วันอาทิตย์ที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2550


รวมบทความ ทิปและเทคนิคต่างๆ
วิธีการจับภาพหน้าจอง่ายๆ โดยไม่ต้องใช้โปรแกรมช่วย

วิธีเปลี่ยนภาพพื้นหลังและโลโก้ โปรแกรม MSN

ปลอมหมายเลข IP นิ

ตั้งค่าให้วินแอมป์ 5.0 แสดงผลภาษาไทยได้

สร้างช็อตคัท Log off อย่างรวดเร็ว ในวินโดวส์ XP

ปิดเซอร์วิสต่างๆ ในวินโดวส์ XP เพื่อประหยัดหน่วยความจำ

ดึงแยกภาพและเสียงจากแผ่น VCD ออกเป็นไฟล์

ลบ Windows Messenger ออกด้วยวิธีง่ายๆ

เอาภาพตอนเปิดเครื่อง ของวินโดวส์ XP ออก

วิธีดาวน์โหลดเพลงจาก เวบฟังเพลงออนไลน์

แก้ไขปัญหาชัทดาวน์เครื่อง แล้วค้างหรือไม่ยอมปิด

แก้ไขปัญหาเมื่อลบลินุกซ์ออกไปแล้ว เมนู LiLo ยังคงอยู่ไม่หายไปไหน

แก้ไขปัญหาปรับรีเฟชเรท (Refresh rate) ในจอรุ่นเก่าไม่ได้

แก้ไขปัญหาเขียนแผ่น CD หรือ DVD มองมองเห็นแค่เซสชั่นเดียว

วิธีดาวน์โหลดเพลงจาก เวบฟังเพลงออนไลน์

ดาวน์โหลดเพลงออนไลน์แบบ Flash และวิธีดึงไฟล์ mp3 ออกมา

ปิดโฆษณาประจำเวบต่างๆ แบบถาวร

รูปแบบของดีวีดีทุกวันนี้ เรียกว่าได้รับความนิยมเป็นอย่างมากทั้งในเรื่องของเครื่องเล่น ที่สามารถหากซื้อได้ในราคาไม่แพง หรือตัวแผ่นเองก็เรียกว่า ราคาไม่สูงมากแล้ว ทำให้การใช้งานนั้นเริ่มแพร่หลายมากขึ้น ด้วยคุณภาพของการแสดงผลที่ได้นั้น พอๆ กับการรับชมในโรงภาพยนตร์ ขณะที่ยังสามารถเลือกซับไตเติ้ลได้เอง ทั้งภาษาไทยอังกฤษ หรือว่าอื่นๆ ที่มีอยู่ ทำให้ผู้ดูสามารถเลือกรับชมภาษาได้ตามต้องการ












รูปแบบของดีวีดีทุกวันนี้ เรียกว่าได้รับความนิยมเป็นอย่างมากทั้งในเรื่องของเครื่องเล่น ที่สามารถหากซื้อได้ในราคาไม่แพง หรือตัวแผ่นเองก็เรียกว่า ราคาไม่สูงมากแล้ว ทำให้การใช้งานนั้นเริ่มแพร่หลายมากขึ้น ด้วยคุณภาพของการแสดงผลที่ได้นั้น พอๆ กับการรับชมในโรงภาพยนตร์ ขณะที่ยังสามารถเลือกซับไตเติ้ลได้เอง ทั้งภาษาไทยอังกฤษ หรือว่าอื่นๆ ที่มีอยู่ ทำให้ผู้ดูสามารถเลือกรับชมภาษาได้ตามต้องการ

แต่การรับชมภาพภาพยนตร์ในรูปแบบของวิดีโอซีดีนั้น ก็เรียกว่ายังได้รับความนิยมอยู่ บรรดาเครื่องเล่นวิดีโอซีดีต่างๆ นั้นก็ยังพากันขายได้ และส่วนใหญ่ก็มีกันแทบทุกบ้านเสียด้วย ก็เลยเป็นที่มาของการแปลงภาพยนตร์จากดีวีดีไปเป็นวิดีโอซีดีกัน ก็คราวนี้ล่ะ

ข้อดีของการแปลงจากดีวีดีไปเป็นวิดีโอซีดีนั้นมีอะไรบ้าง... จริงๆ แล้วต้องขอบอกว่าการแปลงจากดีวีดีไปเป็นวิดีโอซีดีนั้น มีข้อดีอยู่มากเลยทีเดียว นับตั้งแต่เป็นการแบ็กอัพแผ่นดีวีดีราคาแพงๆ ให้ไม่มีรอยขีดข่วนแล้ว ยังช่วยให้เราสามารถแบ็กอัพแผ่นซีดีที่ต้องการเก็บไว้ส่วนตัวได ้อีกด้วย เช่น มีแผ่นซื้อแผ่นดีวีดีจากต่างประเทศมา ก็สามารถแปลงเป็นวิดีโอซีดี แล้วแจกจ่ายให้กับผู้ที่ต้องการได้ ซึ่งการใช้งานแบบนี้ก็ย่อมทำให้แผ่นดีวีดีของเราสามารถอยู่ได้ย าวนานเลยล่ะ หรือจะเอาไว้สำหรับก็อปปี้แผ่นดีวีดีที่ยืมมาก็สะดวก เพราะถ้าไปซื้อไดรฟ์สำหรับเขียนดีวีดีมาใช้งาน ตอนนี้ก็ไม่ค่อยคุ้มเท่าไหร่ แถมแผ่นดีวีดีอาร์ก็ยังแพงอีกด้วย นอกจากนั้นดีวีดีอาร์ยังเขียนได้เฉพาะดีวีดีแบบเลเยอร์เดียว 4.7 กิกะไบต์เท่านั้นเอง ดังนั้นการแปลงจากดีวีดีมาเป็นฟอร์แมตอื่นๆ เช่นวิดีโอซีดีหรือ DivX จึงสะดวกกว่า เอาล่ะพล่ามมาพอสมควรแล้ว ก็เข้าเรื่องการแปลงดีวีดีเป็นวิดีโอซีดีกันดีกว่า

รูปแบบของการแปลงดีวีดี

การแปลงจากดีวีดีไปเป็นวิดีโอซีดีนั้น เป็นเรื่องที่ทำได้สบายๆ มาก เพราะนับตั้งแต่เรื่องของความละเอียด ดีวีดีก็เหนือกว่าอยู่แล้ว ทำให้สามารถนำมาแปลงเป็นวิดีโอซีดีที่มีความละเอียดต่ำกว่าได้อ ย่างสบายๆ หรือหากอยากได้ความละเอียดสูงๆ หน่อย ก็ยังสามารถแปลงเป็น Super VCD ได้อีกด้วย และในกรณีที่ต้องการแปลงเป็นฟอร์แมตของ DivX หรือ MPEG4 ก็สามารถทำได้อย่างไม่มีปัญหา ขอเพียงให้ต้นฉบับเป็นดีวีดีเท่านั้นเอง ซึ่งจากตารางเราจะเป็นว่า หากไม่นับ DV ซึ่งเป็นฟอร์แมตสำหรับกล้องถ่ายวิดีโอดิจิตอลแล้วล่ะก้อ ความละเอียดของดีวีดีถือว่าสูงสุด รองลงมาก็จะเป็น DivX, Super VCD และ VCD เป็นลำดับต่อมา

หากดูจากขนาดของภาพและความละเอียด การแปลงดีวีดีเป็นวีซีดี เรียกว่าไม่มีปัญหา เพราะจากความละเอียด 720x480 พิกเซลแปลงมาเป็น 352x240 พิกเซล เรียกว่าสบายๆ หรือหากต้องการความละเอียดสูงหน่อย จะแปลงเป็น DivX ก็ไม่มีปัญหา แถมความละเอียดที่ได้ก็เรียกว่าไม่น้อยหน้าเท่าไหร่ แต่เสียอย่างเดียวก็ตรงที่ต้องใช้กับคอมพิวเตอร์อย่างเดียวเท่า นั้นเอง แต่ก่อนที่จะลงมือทำเรามาดูเรื่องของสเปกของเครื่องคอมพ์ที่จำเ ป็นต้องใช้ก่อนดีกว่าว่าเครื่องที่มีอยู่ไหวสำหรับการนำมาใช้งา นรึเปล่า

อัพเกรดเครื่องให้แปลงดีวีดีได้

ในการแปลงดีวีดีเป็นวิดีโอซีดีหรืออื่นๆ นั้น อันดับแรกต้องมีไดรฟ์ดีวีดีด้วยนะ เอาไว้อ่านข้อมูลจากแผ่นดีวีดีโดยเฉพาะ แบบว่าเป็นอุปกรณ์ที่จำเป็นต้องมี แต่ก็ไม่น่ามีปัญหา หากคุณจะหาไดรฟ์ดีวีดีมาใช้งานสัก เพราะตัวไดรฟ์ดีวีดีเดี๋ยวนี้มีราคาไม่แพงแล้ว เรียกว่าหากจะหาไดรฟ์ซีดีตัวใหม่มาแทนที่ตัวเก่า ก็ซื้อไดรฟ์ดีวีดีมาใช้ยังคุ้มค่ามากกว่าเลย เพราะราคาไม่แตกต่างกันมากเท่าไหร่ และดีวีดีไดรฟ์ยังสามารถอ่านแผ่นข้อมูลเดิมๆ บนแผ่นซีดีเก่าที่เก็บไว้ได้ด้วย

ต่อมาก็เป็นเรื่องของเครื่องคอมพ์ที่จะใช้ แนะนำว่าหาเครื่องที่เร็วๆ มาใช้จะดีที่สุด เพราะขั้นตอนในการแปลงจากดีวีดีเป็นวิดีโอซีดีหรืออื่นๆ นั้น ต้องใช้เวลานานมาก หากเครื่องที่ใช้ไม่แรงพอ ไม่ได้เป็นอินเทลเพนเทียมโฟร์

ขั้นตอนในการแปลงดีวีดี

ตามปกตินั้น ขั้นตอนในการแปลงจากดีวีดีมาเป็นวิดีโอซีดีหรือว่า DivX นั้นเรียกว่ายุ่งยากมาก และไม่สามารถทำได้ในขั้นตอนเดียวจนเสร็จ โดยเริ่มต้นจากการใช้โปรแกรม Ripper เพื่อดึงข้อมูลที่อยู่ในแผ่นดีวีดีให้มาอยู่ในฮาร์ดดิสก์ก่อน เช่นโปรแกรมที่ได้รับความนิยมมากอย่าง SmartRipper เป็นต้น จากนั้นถึงจะใช้โปรแกรมแปลงไฟล์จากฟอร์แมตของดีวีดีให้เป็นไฟล์ ในรูปแบบของ AVI เช่นโปรแกรม DVD2AVI ซึ่งจัดอยู่ในโปรแกรมจำพวก FrameSaving เพื่อที่จะได้ใช้โปรแกรม Encode ให้อยู่ในรูปแบบอื่นๆ ตามต้องการ ที่นิยมใช้งานกันก็คือ TMPGEnc Plus นั่นเอง ซึ่งขั้นตอนเหล่านี้นอกจากยุ่งยากแล้ว ยังมีปัญหาตามมาก็คือไม่สามารถเพิ่มซับไตเติ้ลลงในไฟล์วิดีโอที ่สร้างขึ้นได้ แต่ในระยะหลังๆ นี้ได้มีโปรแกรมที่จะช่วยให้สามารถแปลงดีวีดีเป็นวิดีโอซีดีหรื อว่า DivX ได้ง่ายขึ้น ซึ่งอาจจะใช้ขั้นตอนในการทำเพียงสองหรือสามขั้นตอนเท่านั้นเอง ซึ่งในที่นี้ผมก็ขอแนะนำวิธีการแปลงดีวีดีทั้งขั้นตอนแบบเก่าแล ะแบบใหม่มาให้ได้รับรู้กัน เพราะแม้จะมีการแปลงที่ง่ายขึ้นแล้ว แต่ขั้นตอนเก่า ก็ยังมีข้อดีอยู่มากเหมือนกัน โดยเฉพาะหากต้องการแปลงดีวีดีเป็นวิดีโอซีดี โดยไม่ต้องการซับไตเติ้ล จะสามารถทำได้รวดเร็วกว่ามาก แถมตัว Encode ยังให้ภาพที่คมชัดแบบไม่น้อยหน้าใครด้วย โดยเฉพาะในการแปลงแบบวิดีโอซีดี จะเห็นได้ชัดมากเลย และช่วยให้ผู้ใช้ได้เรียนรู้เกี่ยวกับการก๊อบปี้ดีวีดีได้มากกว ่าอีกด้วย

การแปลงแบบ Ripping, FrameSaving และ Encode

ในขั้นตอนการแปลงดีวีดีแบบนี้ เราจำเป็นต้องใช้โปรแกรมหลักๆ สามตัวด้วยกัน คือ Smart Ripper สำหรับดึงข้อมูลมาจากแผ่นดีวีดีเพื่อเก็บลงในฮาร์ดดิสก์ก่อน และใช้โปรแกรม Frame Saving เช่น DVD2AVi ในการแปลงข้อมูลจากไฟล์ VOB ของดีวีดีเป็นไฟล์ AVI จากนั้นใช้ TMPGEnc Plus ในการแปลงจาก AVI มาเป็นฟอร์แมตที่ต้องการ จากนั้นแบ่งไฟล์ Mpeg ที่ได้ให้เหมาะสำหรับขนาดของแผ่นซีดีที่นำมาใช้บันทึก โดยโปรแกรมทั้งหมดนั้น สามารถดาวน์โหลดได้จากที่ต่างๆ ดังนี้

  • Smart Ripper
    (http://www.afterdawn.com/general/disclaimers/decss_disclaim er.cfm?software_id=251&mirror=184&x=31&y=14)

  • DVD2AVI
    (http://arbor.ee.ntu.edu.tw/%7Ejackei/dvd2avi/)

  • TMPGEnc Plus
    (http://www.pegasys-inc.com/e_download.html) ...( หน้าถัดไป )

  • Adobe Photoshop สุดยอดโปรแกรมกราฟิกที่ได้รับความนิยมมากตัวหนึ่งในบ้านเรา (ใครที่ทำงานด้านงานกราฟิกแล้วไม่รู้จักโปรแกรมนี้รับรองว่าเชย ระเบิด) กับเวอร์ชันล่าสุด Adobe Photoshop CS (เวอร์ชัน 8) แน่นอนว่าย่อมมีฟีเจอร์ใหม่ๆ เข้ามาเพื่อช่วยเพิ่มความสะดวกให้กับผู้ใช้มากขึ้น แต่จะมีอะไรน่าสนใจและต้องเรียนรู้เพิ่มเติมบ้างนั้น เรามีคำตอบรอคุณอยู่แล้ว



    Adobe Photoshop สุดยอดโปรแกรมกราฟิกที่ได้รับความนิยมมากตัวหนึ่งในบ้านเรา (ใครที่ทำงานด้านงานกราฟิกแล้วไม่รู้จักโปรแกรมนี้รับรองว่าเชย ระเบิด) กับเวอร์ชันล่าสุด Adobe Photoshop CS (เวอร์ชัน 8) แน่นอนว่าย่อมมีฟีเจอร์ใหม่ๆ เข้ามาเพื่อช่วยเพิ่มความสะดวกให้กับผู้ใช้มากขึ้น แต่จะมีอะไรน่าสนใจและต้องเรียนรู้เพิ่มเติมบ้างนั้น เรามีคำตอบรอคุณอยู่แล้ว

    โปรแกรม Adobe Photoshop เวอร์ชัน 8 ที่มีชื่อเรียกว่า Adobe Photoshop CS (Creative Suite) เป็นโปรแกรมหนึ่งในชุด Adobe Creative Suite โดยในชุดโปแกรมดังกล่าวประกอบไปด้วย Adobe Photoshop CS, ImageReady CS, Adobe Illustrator CS, Adobe InDesign CS, Adobe GoLive CS, Adobe Acrobat 6.0 Professional

    Photoshop CS ได้เพิ่มเติมฟีเจอร์ให้กับผู้ใช้งานทั่วไป ผู้ออกแบบเว็บ และงานแก้ไขไฟล์วีดีโอ ที่ลืมไม่ได้ก็คงเป็นฟีเจอร์เกี่ยวกับรูปภาพ ในส่วนอินเทอร์เฟซของโปรแกรม Photoshop CS ดูจะเปลี่ยนแปลงจากเวอร์ชัน 7.0 ไปเพียงเล็กน้อย แต่ฟีเจอร์หลักๆ ก็เป็นการสนับสนุนไฟล์ RAW, Histogram Palette, Crop, Straighten, Bicubic Smoother และ Bicubic Sharper เป็นต้น เอ้า! ก่อนอื่นไปติดตั้งโปรแกรมกันก่อนครับ

    การติดตั้งโปรแกรม

    มาดูขั้นตอนการติดตั้งโปรแกรม Adobe Photoshop cs กัน
    รูปที่ 1 แสดงหน้าต่างการติดตั้งโปรแกรม


  • เมื่อใส่แผ่นซีดีโปรแกรมลงไปจะแสดงหน้าต่าง Adobe Photoshop CS with ImageReady CS พร้อมกับให้ผู้ใช้งานได้เลือกภาษาที่ต้องการใช้งานจากลิสต์บ็อก ซ์ Select the Language... ให้คลิ้กเลือกไปที่ US English (หรือภาษาอื่นๆ ที่ต้องการ แต่ต้องเป็นภาษาที่ตัวโปรแกรมรองรับ) แล้วคลิ้กปุ่ม OK

  • จากนั้นจะแสดงหน้าต่าง End User License Agreement เพื่อให้อ่านข้อตกลงในการใช้งานโปรแกรม แล้วคลิ้กปุ่ม Accept จะแสดงหน้าต่างถัดมาให้ไปคลิ้กที่ Install Adobe Photoshop CS with ImageReady CS

  • จากนั้นจะแสดงหน้าต่าง Adobe Photoshop CS and ImageReady CS Setup เพื่อเริ่มต้นการเข้าสู่วิซาร์ดการติดตั้งโปรแกรมให้คลิ้กปุ่ม Next

  • จากนั้นจะแสดงไดอะล็อกบ็อกซ์แจ้งเตือนว่าให้ปิดแอพพลิเคชันทั้ งหมดก่อน แล้วคลิ้กปุ่ม OK
    รูปที่ 2 แสดงหน้าต่างในการเลือกภาษาในการใช้งาน


  • ถัดมาจะแสดงหน้าต่าง License Agreement Language Selection โดยให้คลิ้กเลือกที่ภาษา US English แล้วคลิ้กปุ่ม Next

  • จากนั้นจะแสดงหน้า Software License Agreement แล้วให้ไปคลิ้กที่ปุ่ม Accept

  • ถัดมาจะแสดงหน้าต่าง Customer Information เพื่อให้กรอกข้อมูลผู้ใช้งานลงไป แล้วคลิ้กปุ่ม Next

  • ถัดมาจะแสดงหน้าต่างการรีจิสเทอร์พร้อมแสดงข้อมูลผู้ใช้งาน ให้คลิ้กปุ่ม Yes

  • จากนั้นจะแสดงหน้าต่าง Choose Destination Location พร้อมแสดงโฟลเดอร์ที่ใช้ในการติดตั้งโปรแกรม ให้คลิ้กปุ่ม Next

  • ถัดมาจะแสดงหน้าต่าง File Association เพื่อให้คลิ้กเลือกว่าต้องการให้ไฟล์รูปภาพนามสกุลใดเปิดด้วยโป รแกรม Adobe Photoshop หรือ ImageReady หลังจากนั้นให้คลิ้กปุ่ม Next

  • ถัดมาจะแสดงข้อมูลเกี่ยวกับค่าการติดตั้งโปรแกรมเพื่อให้ผู้ใช ้งานได้เลือกปรับตามความต้องการ แล้วให้คลิ้กปุ่ม Next

  • เมื่อใกล้ติดตั้งโปรแกรมเสร็จสิ้น จะแสดงไดอะล็อกบ็อกซ์ Adobe Activation เพื่อให้เลือกว่าต้องการ Activation Options รูปแบบใด เพราะในเวอร์ชันที่นำมาจนำเสนอนี้เป็นโปรแกรม Adobe Photoshop ที่สามารถใช้งานได้ 30 วัน หลังจากนั้นต้องการทำการ Activation เหมือนกับผลิตภัณฑ์ของทางค่าย Macromedia ให้คลิ้กคลิ้กปุ่ม Next

  • เมื่อการติดตั้งโปรแกรมเสร็จเรียบร้อยแล้วจะแสดงหน้าต่าง Setup is complete. และออปชัน Display Photoshop Readme file จะถูกเลือกให้คลิ้กปุ่ม Finish

  • จากนั้นจะแสดงไดอะล็อกบ็อกซ์ Thank you for choosing Adobe Photoshop CD and ImageReady CS. ให้คลิ้กปุ่ม OK เพื่อออกจากการติดตั้งโปรแกรม
    รูปที่ 3 การเรียกใช้งานโปรแกรม

    ทดลองใช้งานโปรแกรม

    เมื่อเปิดใช้งานครั้งแรก จะแสดงไดอะล็อกบ็อกซ์เพื่อให้กำหนดค่าของสี คลิ้กปุ่ม Yes เพื่อแก้ไขทันที หรือคลิ้กปุ่ม No เพื่อแก้ไขในโอกาสต่อไป โดยการคลิ้กเมนูคำสั่ง Edit

    Camera RAW

    RAW เป็นส่วนหนึ่งของ Photoshop 7 ในโปรแกรม Photoshop CS ปลั๊กอินที่มาด้วยก็คือ Adobe Photoshop Camera RAW & JPEG 2000 โดยการสนับสนุนไฟล์ JPEG 2000 อัตราการบีบขนาดไฟล์เหนือกว่าแต่มีคุณภาพที่เหมือนกัน ซึ่งตอนนี้กล้องดิจิตอลยังไม่สนับสนุนไฟล์ JPEG 2000 แต่หากต้องการให้เครื่องคอมพิวเตอร์สนับสนุนไฟล์นี้ต้องติดตั้ง โปรแกรมปลั๊กอินตัวนี้ลงไป
    รูปที่ 4 หน้าต่าง Welcome Screen ใน
    Adobe Photoshop CS
    รูปที่ 5 แสดงหน้าต่าง File Browser

    File Browser

    อาจจะคุ้นๆ หรือเคยใช้งานมาแล้วกับ File Browser ในเวอร์ชัน 7 แต่เวอร์ชันนี้จะเป็น File Browser On Steroids! โดยหน้าต่าง File Browser จะเป็นส่วนที่ให้ผู้ใช้งานได้จัดการกับรูปภาพดิจิตอล ทำให้ผู้ใช้งานสามารถปรับแต่งเลย์เอาต์ และการปรับแต่งอื่นๆ สำหรับการค้นหารูปภาพที่จัดเก็บไว้ในฮาร์ดดิสก์ได้ตามต้องการ เพื่อให้การใช้งานง่ายขึ้น โดยมีรูปแบบการใช้งานดังนี้

  • คลิ้กที่เมนูคำสั่ง File

  • จะแสดงรูปภาพภายในโฟลเดอร์ หากต้องการดูรูปภาพก็คลิ้กลงบนรูป (ผู้ใช้งานสามารถคลิ้กเมาส์ขวาแล้วเลือกรายการเมนูที่ต้องการเช ่น การหมุนภาพ การเปลี่ยนชื่อไฟล์ การลบไฟล์ เป็นต้น)

  • จากนั้นจะแสดงรูปภาพดังกล่าวในหน้าต่าง Preview ส่วนแท็ป Metadata จะแสดงข้อมูลเกี่ยวกับไฟล์รูปภาพ

  • หากต้องการเปิดรูปภาพขึ้นมาเพื่อแก้ไขตกแต่ง ให้ดับเบิลคลิ้กลงบนรูปภาพที่ต้องการ จะแสดงหน้าต่างไฟล์รูปภาพดังกล่าวทันที
    รูปที่ 6 ดูผลลัพธ์ที่ได้จากการใส่ฟิลเตอร์ได้ในทันที

    Filter Gallery

    Filters Palette จะเป็นเครื่องมือที่คล้ายกับในโปรแกรม Photoshop Elements 2 โดยเป็นไดอะล็อกบ็อกซ์ Filter Gallery ซึ่งใน Photoshop CS จะแสดงเอฟเฟ็กต์ของฟิลเตอร์ที่มีให้เลือกใช้งานมากมาย

  • เปิดรูปภาพที่ต้องการใส่ฟิลเตอร์ขึ้นมาก่อน โดยคลิ้กที่เมนูคำสั่ง File

  • โปรแกรมจะแสดงรูปภาพที่ต้องการขึ้นมา จากนั้นให้ไปคลิ้กเมนูคำสั่ง Filter

  • จะแสดงหน้าต่าง Filter Gallery เพื่อแสดงภาพตัวอย่าง ให้คลิ้กเลือกหมวดฟิลเตอร์ที่ต้องการ

  • จากนั้นคลิ้กเลือกรูปแบบฟิลเตอร์ พร้อมปรับต่างค่าเพิ่มเติมตามต้องการ คลิ้กปุ่ม OK จะได้ผลลัพธ์จากการเลือกฟิลเตอร์ในทันที ...( หน้าถัดไป )





  • หน้าถัดไป

    เรื่องที่เกี่ยวข้อง

    27/1/2005 ลินุกซ์ทะเล 5.5 เบต้า 2
    27/1/2005 สุดยอดกลยุทธ์เพื่อการป้องกันระบบจากการจู่โจมทุกรูปแบบ
    27/1/2005 ทูลส์สำหรับเขียนโปรแกรมให้กับอุปกรณ์สื่อสารไร้สาย
    27/1/2005 ว่าด้วยการเข้ารหัสลับ (ภาคที่ 2)
    27/1/2005 Drilling down หัวใจสำคัญของดาต้าแวร์เฮาส์
    27/1/2005 ว่าด้วยการเข้ารหัสลับ ตอนที่ 1
    27/1/2005 JMS: ระบบส่งเมสเซจที่เชื่อถือได้สำหรับเว็บเซอร์วิส

    ร่วมแสดงความคิดเห็น
    จากคุณ Chatchai Taweerat
    • ได้ความรู้มากเลยครับ
    จากคุณ naruecha saipradit
    • ได้ความรู้เพิ่มเติมมากขึ้นแต่อยากได้โปรแกรม Adobe Photoshop CS และ Adobe Illustrator CS มากจะทำอย่างไรดีช่วยบอกที ดาวโหลดได้ที่ไหนมีไหมติดต่อด่วน
    จากคุณ Jackrish Intuluck
    • ผมได้อ่านบทความ Adobe Photodhop CS ผมมีปัญหาที่จะให้ช่วย คือ ผมได้ขอยืม Adobe Creative Suite Premium มาทั้งชุดซึ่งถูกกฎหมาย
    แต่เมื่อผมลงในเครื่อง Com.. หมดทั้งชุดแล้วพอถึงที่จะต้อง Atctivate แล้ว จะต้อง Register online โดยลง Serial No. และ Pass Word ผมเองก็ไม่ทราบโทรไปถามที่ทำงานเพื่องก็ไม่ทราบเพราะเขาไม่ได้เป็นคนลงในเ ครื่องที่บริษัท พอจะแนะนำวิธี Register ได้ไม๊ครับ
    ขอบคุณครับ
    จักรกฤษณ์
    จากคุณ ภณพงษ์ spanapong@yahoo.com -
    • good
    จากคุณ boonmee kesangam@thaimail.com -
    • ชอบมากเลยครับขอบคุณครับ
    จากคุณ มนัส
    • กลับรูป layer2 3... ทำไง โดยให้ layer1 อยู่ที่เดิม
    จากคุณ ด.ช.ธนัชย์ฤทธิ์ sanook_wattuk@hotmail.com -
    • มาก

    จากคุณ อิ๊ด
    • มีสารประโยชน์สูง จะติดตามวารสารในเครือตลอดไป
    จากคุณ p]
    • มันยากป่าว

    จากคุณ นัทธมน pae_focus@hotmail.com -
    • ดีมากๆคะ เพราะเป็นอีกคนหนึ่งที่ชอบศึกษาเกี่ยวกับโปรแกรมต่างๆคะ คิดว่าดีมากสำหรับทุกท่านที่มีความรู้พื้นฐานและผู้ที่กำลังมีความสนใจที่ จะศึกษา ไม่อยากคะ
    จากคุณ เกียรติศักดิ์ kiat_pkk@hotmail.com -
    • ดีครับ!มีการแลกเปลี่ยนความคิดที่สร้างสรรคมาก
    จากคุณ hongkee
    • มันยากมากเลย
    จากคุณ ไก่
    • เดก้เหดเก้
    จากคุณ นางสาวทิพวรรณ gorya007@yahoo.com -
    • ดีเลยน่ะ ได้ความรู้เยอะเลย
    จากคุณ มีมี่
    • เวอร์ชั่นภาษาไทยมีมั้ยอังกฤษไม่ถนัดเอาซะเลย ขอบคุณฮะ
    จากคุณ สมฤดี nada-da@hotmail.com -
    • ชอบ มีประโยชน์ ฮิ
    จากคุณ สุราตร idx2icu@hotmail.com -
    • many thanks
    จากคุณ ko
    • ILOVEYOU
    จากคุณ ประพัทธ์ psxemu@sanook.com -
    • ดีมากครับ
    จากคุณ อรพินธ์ oraphin@hotmail.com -
    • ดีมากค่ะ
    จากคุณ จริงใจไม่จริงจัง
    • จริงใจไม่จริงจัง
    ดีมากๆ

    From:: เด็กอุบล
    จากคุณ นางฟ้าคืนเดียว
    • Camera RAW
    RAW เป็นส่วนหนึ่งของ Photoshop 7 ในโปรแกรม Photoshop CS ปลั๊กอินที่มาด้วยก็คือ Adobe Photoshop Camera RAW & JPEG 2000 โดยการสนับสนุนไฟล์ JPEG 2000 อัตราการบีบขนาดไฟล์เหนือกว่าแต่มีคุณภาพที่เหมือนกัน ซึ่งตอนนี้กล้องดิจิตอลยังไม่สนับสนุนไฟล์ JPEG 2000 แต่หากต้องการให้เครื่องคอมพิวเตอร์สนับสนุนไฟล์นี้ต้องติดตั้งโปรแกรมปลั ๊กอินตัวนี้ลงไป
    รูปที่ 4 หน้าต่าง Welcome Screen ใน
    Adobe Photoshop CS

    รูปที่ 5 แสดงหน้าต่าง File Browse


    แสดงความคิดเห็น:
    ชื่อจริง: login/สมัครสมาชิก
    Email:


    Latest Opinion 10 บทความล่าสุดที่มีความคิดเห็น
    TUNGSTEN T ปาล์มน้องใหม่มาแรง
    Thank you for you work! Good Luck.
    จิตรกรดิจิตอล Adobe Illustrator 10 : ตอนที่ 1
    ขอบคุณครับมีประโยชน์มากครับ
    TUNGSTEN T ปาล์มน้องใหม่มาแรง
    wow nice!!
    ซีเกทปลื้มยอดฮาร์ดดิสก์บาร์ราคูดา
    somestrangetextvista
    COMMART THAILAND...แรงแบบไม่ไปไม่รู้ !!
    ขอโปรแกรมดู dead pixel ด้วยอีกคนนะครับ
    yuttapong_spd @ ftc.fujitsu.com
    Waterloo Napoleon's Last Battle
    น่รเนรเอี
    Transformers: The Game
    deemag
    สร้างสีสันให้ Window XP ด้วย LogonUI Boot Randomizer
    ,ไม่มีรูปอะทำยังไงเนี่ย
    TUNGSTEN T ปาล์มน้องใหม่มาแรง
    Very good site! I like it! Thanks!o
    จิตรกรดิจิตอล Adobe Illustrator 10 : ตอนที่ 1
    ขอบคุณครั๊บ
    Home page | ข่าวใหม่ไอที | นิดยสารคอมพิวเตอร์ เครือ ARiP | แนะนำผลิตภัณฑ์ | IT Forum | มุมสมาช



    หากคุณเป็นผู้หนึ่ง ซึ่งใช้งานระบบปฏิบัติการวินโดวส์ เป็น OS สามัญประจำเครื่องแล้วละก็ แน่นอนว่าต้องเคยประสบกับปัญหาการใช้งานต่างๆ ทั้งที่มาจากวินโดวส์เองและตัวผู้ใช้อีกด้วย ซึ่งวันนี้ เราจะนำเสนอทิปเด็ดๆ สำหรับผู้ใช้งานวินโดวส์ เพื่อให้เกิดความคล่องตัวมากที่สุด... ”



    “หากคุณเป็นผู้หนึ่ง ซึ่งใช้งานระบบปฏิบัติการวินโดวส์ เป็น OS สามัญประจำเครื่องแล้วละก็ แน่นอนว่าต้องเคยประสบกับปัญหาการใช้งานต่างๆ ทั้งที่มาจากวินโดวส์เองและตัวผู้ใช้อีกด้วย ซึ่งวันนี้ เราจะนำเสนอทิปเด็ดๆ สำหรับผู้ใช้งานวินโดวส์ เพื่อให้เกิดความคล่องตัวมากที่สุด... ”

    Creating a Password Recovery Disk

    หากคุณเป็นผู้หนึ่งที่ใช้ Window XP เป็นระบบปฏิบัติการหลักของเครื่องแล้วละก็ ปัญหาการหลงลืมพาสเวิร์ดคงจะเคยเกิดขึ้นกับคุณไม่มากก็น้อย ซึ่งทำให้ไม่สามารถล็อกออนเข้าวินโดวส์ได้เลย และถ้าหากคุณต้องการเข้าสู่ระบบปฏิบัติการวินโดวส์ให้ได้ละก็ เราสามารถแก้ปัญหานี้ได้โดย เตรียมแผ่นฟลอปปี้ดิสก์ว่างๆ จากนั้นทำการสร้างแผ่น Password Recovery Disk ไว้ก่อนเพื่อนำมาใช้ในการแก้ปัญหา ซึ่งสามารถทำได้ดังนี้

    1. คลิ้กที่เมนู Start

    2. คลิ้กที่ User หากต้องการสร้าง Password Recovery Disk (ดังรูปที่ 1)
    รูปที่ 1 แสดง User Accounts
    รูปที่ 2 แสดง wizard Welcome to the Foforgetten Password Wizard

    3. ที่ด้านบนซ้ายของหน้าต่างให้เลือก Prevent a forgetten passwords (ดังรูปที่ 2)

    4. จากนั้นให้คลิ้ก next แล้วใส่แผ่นฟลอปปี้ดิสก์เข้าไป คลิ้ก
    รูปที่ 3 แสดง wizard current user account Password
    รูปที่ 4 แสดงการ logon เข้าสู window

    5. หลังจากนั้นจะเป็นการสร้าง create password ลงบนแผ่นฟลอปปี้ดิสก์ เมื่อเสร็จแล้วให้คลิ้ก next

    6. คลิ้กไปที่ start log off แล้วเลือกไปที่ swich user คลิ้กเลือกไปที่ user ที่สร้างแผ่น Password Recovery Disk เอาไว้ จากนั้นคลิ้กที่ปุ่ม รูปที่ button ซึ่งจะแสดง message use password reset disk ให้เลือกไปที่ข้อความ use password reset disk (ดังรูปที่4)

    7. จะแสดงหน้าต่าง wizard Welcome to password reset ให้คลิ้ก next (ดังรูปที่ 5)
    รูปที่ 5 แสดง wizard Welcome to password reset
    รูปที่ 6 แสดงการ reset password

    8. ใส่แผ่นฟลอปปี้ดิสก์ที่สร้าง Password Recovery Disk เอาไว้คลิ้ก next

    9. ให้ใส่ password ใหม่ลงไป (ดังรูปที่ 6) แล้วคลิ้ก next

    10. จากนั้นจะกลับมาที่หน้าต่างล็อกออนใหม่ ให้ใส่ password ใหม่ลงไปก็จะสามารถล็อกออนเข้าสู่ วินโดวส์ได้อีกครั้ง
    รูปที่ 7 แสดงการสร้าง shortcut

    การสร้างไปคอน shutdown/reboot

    ระบบปฏิบัติการ Window XPสามารถสร้างไอคอนสำหรับ shutdownหรือ restart เครื่องคอมพิวเตอร์ไว้บนเดสก์ทอปได้เลย โดยที่ผู้ใช้ไม่ต้องเข้าไปที่เมนู start เพื่อเลือก shutdown หรือ restart เลย วิธีการใช้งานเพียงแค่คลิ้กที่ไอคอนนั้นได้ทันที โดยสามารทำได้ดังนี้

    1. คลิ้กขวาบนเดสก์ทอป แล้วเลือก new

    2. การสร้าง shortcut ไอคอน ที่สามารถทำได้ก็คือ ไอคอน shutdown, ไอคอน restart, ไอคอน logoff

    ตัวอย่าง หากต้องการสร้าง ไอคอน shutdown ให้ทำดังต่อไปนี้...

  • ให้พิมพ์ค่า shutdown -s -t 00 ในช่อง Type the location of the item (ดังรูปที่ 8)
    รูปที่ 8 แสดงการสร้างไอคอน shutdown
    รูปที่ 8-1 แสดงขั้นตอนการสร้างไอคอน restart

  • ถ้าต้องการสร้างไอคอน restart ให้ทำดังต่อไปนี้

    พิมพ์ค่า shutdown -r -t 00 ในช่อง Type the location of the item (ดังรูปที่ 8-1)

  • หากต้องการสร้าง ไอคอน logoff ให้ทำดังต่อไปนี้

    พิมพ์ค่า shutdown -l -t 00 ในช่อง Type the location of the item (ดังรูปที่ 8-2)
    รูปที่ 8-2 แสดงการสร้างไอคอน logoff
    รูปที่ 9 แสดงการตั้งชื่อโปรแกรม

    3. จะแสดงหน้าต่าง Select a Title for the program ใช้ค่าตามที่ให้มา เสร็จแล้วคลิ้ก Finish (ดังรูปที่ 9) ...( หน้าถัดไป )





  • หน้าถัดไป

    เรื่องที่เกี่ยวข้อง

    2/2/2005 Extractions Tactic เพลงจากเกม กับช็อตเด็ด เก็บเป็นคอลเล็กชัน !!
    2/2/2005 รู้จักสุดยอด 50 เครื่องมือด้าน Security ตอน 2
    2/2/2005 รู้จักสุดยอด 50 เครื่องมือทางด้าน Security
    2/2/2005 ละมุนทิป : เพิ่มความเร็วของโมเด็มในการเชื่อมอินเทอร์เน็ต
    2/2/2005 ทิปเด็ด : ค้นหาหมายเลขตำแหน่งเว็บไซต์ ด้วยคำสั่ง Trace
    2/2/2005 ทิปเด็ด : มาดูค่าคอนฟิกูเรชันของ TCP/IP
    2/2/2005 ทิปเด็ด : สไตล์นายละมุน ''ตรวจสอบค่าหมายเลขของ IRQ''

    ร่วมแสดงความคิดเห็น
    จากคุณ tongpeterwit@thaimail.com -
    • ดีคับผมเหมาะสมคับท่าน............
    จากคุณ VEERAKUL@THAIMAIL.COM -
    • very good
    จากคุณ adison.jin@chaiyo.com -
    • ต้องการมานานแล้ว
    จากคุณ newzand_01@thaimail.com -
    • อยากให้มีเนื้อหาที่ให้ความรู้ทางด้านฮาร์ดแวร์มากๆ
    จากคุณ tte45110@hunsa.com -
    • เยี่ยมมากครับ
    จากคุณ วราห์ จิราภรณ์สิริกุล
    • good
    จากคุณ malangphan@thaimail.com -
    • ดีมากครับสำหรับเกล็ดความรู้ต่างๆ ให้ประโยชน์มากครับ
    จากคุณ สามารถ เจริญฉิม
    • ดีมากเลยครับผมเองก็มีปัญหาเรื่องวินโดร์ xp.มากอยู่เหมือนกัน อ่านแล้วได้รับความรู้ใหม่ ๆ ดี
    ครับ
    จากคุณ ratikorn
    • verry good
    จากคุณ นายเฉลิมพันธ์ เกตุศิริ
    • 1035 ถนนแก้ววรวุฒิ ต.ในเมือง อ.เมือง
    จ.หนองคาย 43000
    จากคุณ msgchrn@yahoo.com -
    • verygood
    จากคุณ สุพัฒน์
    • อ่านแล้วเข้าใจดี
    จากคุณ khaonoi@hunsa.com -
    • ขอบคุณมากถูกใจจริง ๆ

    จากคุณ กิต
    • มีการแก้ปัญหา win XP หรือเปล่า
    จากคุณ sittidech21_9@hotmail.com -
    • ดีมากๆเลยครับผมก็ใช้ windowsXP มีปัญหามากอยู่เหมือนกัน อ่านแล้วได้รับความรู้ใหม่ ๆ เยอะมากเลยครับ
    จากคุณ 369@arip.co.th -
    • ดีมาเลยค่ะได้ความรู้เพิ่มขึ้น
    จากคุณ สุมิตร
    • ดีมากเลยคับ
    จากคุณ fee
    • ขอบใจนะเพื่อน อ่านแล้วเข้าใจดีอ่ะ จะลองทำดูง่ะ
    จากคุณ hungja05@hotmail.com -
    • ได้ความรู้เพิ่มขึ้น ทำให้แก้ไขปัญหาได้
    จากคุณ จิระพันธุ์
    • ขอเกี่ยวกับ Windows XP เยอะๆ ขอบคุณมากคะ

    จากคุณ tawatchai_3038@yahoo.com -
    • ใช้ Window XP อยู่ ได้รับความรู้ แก้ปัญหาได้
    จากคุณ พิชญา
    • ดีมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
    จากคุณ มานิต
    • หาให้ทีวินโดว์ xp หมายถึงอะไร
    จากคุณ Help
    • login เข้า XP ไม่ได้ครับ
    คือ เวลาจะ login XP มันจะ Logoff ตลอดเลยครับ
    จากคุณ หลิว wir.ch@hotmail.com -
    • เยี่ยมมากกกกกกกคับ!
    จากคุณ เยาวลักษณ์ ธิโน
    • ดีมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆค่ะ
    จากคุณ พีรพงษ์ perapong_06@thaimail.com -
    • เยี่ยมดีแท้.......อยากให้ลงtipการใชWord2003บ้าง
    จากคุณ วัชรินทร์
    • อ่านแล้วได้ความรู้ดีมากครับ
    จากคุณ นงนุช nongnuch@maejo48.net -
    • ชอบมากๆ ได้ความรู้เพิ่มขึ้นนำไปไช้ได้
    จากคุณ พิบูลชัย iboon60@yahoo.com -
    • เจ๋งมากๆครับ
    จากคุณ พิภพ h342294@thai.com -
    • แจ๋วมากๆครับผม
    จากคุณ อาภรณ์ askung@gmail.com -
    • ดีมากๆ ค่ะ
    จากคุณ นายสะอาด romton_rom@hotmail.com -
    • เยี่ยมยอด สำหรับมือใหม่อย่างผม
    จากคุณ เอกพงษ์ AKETT01@yahoo.co.th -
    • good
    จากคุณ พรรณีย์ kibkobkkp19@hotmail.com -
    • .......................
    จากคุณ นายสมชาย somchaynewss@thaimail.com -
    • น่าสนใจดีเคยเจอเหมือนกัน
    จากคุณ สมชาติ bee_9som@hotmail.com -
    • ดีมากเลยครับผมอยากรู้มานานแล้วครับ
    จากคุณ atoophon atoophon@gmail.com -
    • แต่ก็ยอมรับว่าเขามีดีนะจะที่ทำแบบนี้ออกมานะ

    แต่อยากรู้เรื่อง regisdit
    จากคุณ สำเร็จ tipoo.s@thaimail.com -
    • ได้รับความรู้มากเลย
    จากคุณ ชรินทร์ tcworks1@hotmail.com -
    • ไม่ได้ทำแผ่นกันลืมไว้ แล้วก้อลืมแล้ว จะทำอย่างไรละครับ เจ้านาย......
    จากคุณ เติมศักดิ์ toemsak_poksanit@yahoo.com -
    • ขอคุณครับ
    จากคุณ นู๋เก๋
    • ลืม password windo xp ทำไงดีค่ะ

    ไม่ได้ตั้งโปรแกรมป้องกันการลืมไว้ด้วยน่ะค่ะ
    จากคุณ นุ่น
    • สุดยอดเลยค่ะ
    จากคุณ พรเทพ kongbee@gmail.com -
    • ขอบคุณสำหรับความรู้ดีๆ เพื่อนำมาใช้พัฒนางานต่าๆได้
    จากคุณ สุเนตร sunetr@Gmail.com -
    • ดีครับ

    แสดงความคิดเห็น:
    ชื่อจริง: login/สมัครสมาชิก
    Email:







    Latest Opinion 10 บทความล่าสุดที่มีความคิดเห็น
    โปรแกรมที่มาพร้อมกับ Adobe Photoshop CS แต่เน้นไปทางการสร้างเว็บเพจก็ต้องโปรแกรมนี้เลย ด้วยคุณสมบัติที่เพิ่มขึ้นมาพอสมควร สำหรับใครที่กำลังสร้างสรรค์งานออกแบบเว็บไซต์อยู่ รับรองว่าโปรแกรมนี้จะช่วยทุ่นแรงคุณได้อย่างมากทีเดียว


    โปรแกรมที่มาพร้อมกับ Adobe Photoshop CS แต่เน้นไปทางการสร้างเว็บเพจก็ต้องโปรแกรมนี้เลย ด้วยคุณสมบัติที่เพิ่มขึ้นมาพอสมควร สำหรับใครที่กำลังสร้างสรรค์งานออกแบบเว็บไซต์อยู่ รับรองว่าโปรแกรมนี้จะช่วยทุ่นแรงคุณได้อย่างมากทีเดียว

    โปรแกรม ImageReady CS เป็นโปรแกรมที่ออกแบบมาสำหรับการสร้างงานเว็บเพจ ไม่ว่าจะเป็นการสร้างแบนเนอร์, GIF อนิเมชั่น, อิมเมจแมปหรือการหั่นรูปภาพออกเป็นชิ้นส่วนในแบบ Slice เป็นต้น

    สร้างแบนเนอร์เอาไว้ใช้งาน

    มาดูกันว่าหากต้องการสร้างแบนเนอร์ต้องทำอย่างไร ก่อนอื่นต้องเรียกใช้งานโปรแกรม Adobe ImageReady CS โดยการคลิ้กปุ่ม Start

    1. สร้างเอกสารใหม่ขึ้นมา โดยการคลิ้กเมนูคำสั่ง File

    2. จะเห็นหน้าต่าง New Document แล้วไปคลิ้กเลือกรูปแบบเอกสารจากลิสต์บ็อกซ์ Size: โดยไปคลิ้กเลือกเลือกรูปแบบแบนเนอร์ที่โปรแกรมกำหนดมาให้แล้วตา มต้องการ แล้วคลิ้กปุ่ม OK
    เลือกรูปแบบแบนเนอร์ตามต้องการ


    3. จะแสดงหน้าต่างเอกสารแบนเนอร์ว่างๆ ปรากฏขึ้นมา

    4. หากต้องการใส่รูปภาพประกอบลงบนแบ็กกราวดน์ลงไป ก็คลิ้กปุ่ม Edit in Photoshop เพื่อไปใส่รูปภาพผ่านโปรแกรม Adobe Photoshop CS หรือหากต้องการเทสีลงไปบนแบ็กกราวนด์ก็ไปคลิ้กเลือกสีที่ต้องกา รแล้วคลิ้กปุ่ม Paint Bucket Tool เพื่อเทสีไปจาก ImageReady CS ก็ได้

    5. หากเลือกไปใส่รูปภาพผ่านโปรแกรม Adobe Photoshop CS ก็จะแสดงหน้าต่างโปรแกรม Adobe Photoshop CS พร้อมเอกสารแบนเนอร์ว่างๆ

    6. การใส่รูปภาพก็ให้คลิ้กเปิดรูปภาพขึ้นมา โดยการคลิ้กเมนูคำสั่ง File
    ใส่รูปภาพแบ็กกราวนด์พร้อมปรับแต่ง


    7. ใช้เครื่องมือ Move Tool ลากรูปภาพที่ต้องการ ไปวางลงบนแบนเนอร์ก็ให้ใส่รูปภาพที่ต้องการลงไป พร้อมปรับแต่งขนาด หรือคลวามเบลอตามต้องการ

    8. แล้วคลิ้กปุ่ม Edit in ImageReady เพื่อกลับไปสร้างแบนเนอร์ต่อในโปรแกรม Adobe ImageReady CS

    9. จะกลับมายังหน้าต่างโปรแกรม Adobe ImageReady โดยจะแสดงรูปภาพแบ็กกราวนด์ซึ่งเป็นเฟรมแรก เราต้องการให้แสดงแบนเนอร์อย่างเดียว ให้คลิ้กเลือกรายการ Once

    10. มาเริ่มสร้างเฟรมถัดไปหากเราต้องการให้แสดงข้อความให้คลิ้กปุ่ม Duplicates current frame จะแสดงเฟรมแอนิเมชันหมายเลข 2 ขึ้นมา (หากไม่แสดงหน้าต่างเลเยอร์ ให้ไปคลิ้กเมนูคำสั่ง Window
    แทรกเฟรมใหม่ลงไปพร้อมพิมพ์ข้อความ


    11. จากนั้นคลิ้กปุ่มเครื่องมือ Type Tool แล้วพิมพ์ข้อความที่ต้องการลงไป

    12. ในเฟรมที่ 3 มาใส่รูปภาพลงไปกัน โดยการคลิ้กปุ่ม Duplicates current frame เพื่อก็อปปี้เลเยอร์ก่อนหน้านี้

    13. ถ้าต้องการแทรกรูปภาพลงไปให้ไปที่หน้าต่างโปรแกรม Adobe Photoshop CS (ซึ่งตอนนี้เปิดค้างอยู่) หรือคลิ้กปุ่ม Edit in Photoshop ก็ได้ แล้วคลิ้กเมนูคำสั่ง File

    14. จากนั้นจะแสดงไดอะล็อกบ็อกซ์ Open เพื่อให้คลิ้กเลือกรูปภาพ แล้วคลิ้กปุ่ม Open

    15. จะแสดงไฟล์รูปภาพที่ต้องการ แบนเนอร์มีความสูงขนาดประมาณ 340 พิกเซล ก็ให้ผู้ใช้งานตัดภาพโดยใช้เมาส์คลิ้กเลือกบริเวณที่ต้องการ แล้วคลิ้กเมนูคำสั่ง Image

    16. พร้อมปรับแต่งขนาดรูปภาพโดยคลิ้กเมนูคำสั่ง Image

    17. จะแสดงไดอะล็อกบ็อกซ์ Image Size กำหนดค่าความสูง(Height) ต้องการแล้วคลิ้กปุ่ม OK

    18. แต่หากรูปภาพมีขนาดเล็กกว่าแบนเนอร์ก็ไม่ต้องทำอะไร จะแสดงไฟล์รูปภาพที่ต้องการ ให้กดแป้น Ctrl+A แล้วคลิ้กเมนูคำสั่ง Edit
    ใส่รูปภาพลงบนแบนเนอร์


    19. แล้วไปยังแบนเนอร์ของเรา โดยการคลิ้กเมนูคำสั่ง Edit

    20. แล้วคลิ้กปุ่ม Edit in ImageReady เพื่อกลับไปสร้างแบนเนอร์ต่อในโปรแกรม Adobe ImageReady CS

    21. ที่นี้ไปกำหนดการแสดงของภาพในแต่ละเฟรม ซึ่งตอนนี้ทั้ง 3เฟรมจะมีรูปภาพเหมือนกัน

    22. โดยให้ไปคลิ้กที่เฟรมหมายเลข 1 ต้องการให้แสดงเฉพาะแบ็กกราวนด์ว่างๆ ให้ไปที่พาเนลเลเยอร์ แล้วคลิ้กยกเลิกไอคอน รูปดวงตา หน้ารูปภาพและข้อความออกไปเพื่อยกเลิกการแสดง

    23. จากนั้นไปยังตำแหน่งเฟรมที่ 2 เพื่อกำหนดให้แสดงข้อความ โดยการไปคลิ้กเลือกที่เฟรม 2
    กำหนดค่าเฟรมที่ 1
    กำหนดค่าเฟรมที่ 2

    24. แล้วคลิ้กช่องไอคอนรูปดวงตาในเลเยอร์ข้อความ จะแสดงข้อความในหน้าต่างพรีวิวทันที

    25. ไปเฟรมที่ 3 เพื่อกำหนดให้แสดงข้อความและรูปภาพ โดยการไปคลิ้กเลือกที่เฟรม 3

    26. แล้วคลิ้กช่องไอคอนรูปดวงตาในเลเยอร์ข้อความและรูปภาพทั้งหมด จะแสดงผลลัพธ์ในหน้าต่างพรีวิวทันที
    กำหนดเวลาในการแสดงผลของอนิเมชัน


    27. จากนั้นกำหนดช่วงเวลาในการแสดงในแต่ละเฟรม โดยการคลิ้กกำหนดเวลาใต้เฟรม จากค่า 0 sec. แล้วเลือกเวลาหน่วงที่ต้องการอาจเป็น 1 sec. โดยต้องกำหนดเวลาให้กับทุกเฟรมอาจเท่ากับ หรือแตกต่างกันก็ได้แล้วแต่ความต้องการ

    28. จากนั้นทดลองชมแอนิเมชันผ่านทางโปรแกรม ให้คลิ้กปุ่ม Play/stop animation

    29. หากต้องการให้แอนิเมชันทำงานวนไปเรื่อยให้คลิ้กเลือกที่รายการ Forever

    ทดลองพรีวิวอนิเมชันผ่าน Internet Explorer

    หลังจากมีการสร้างแอนิเมชันเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็ได้เวลาทดลองดูการทำงานแอนิเมชันบนเว็บ

    30. เมื่อเปิดแอนิเมชันที่ต้องการขึ้นมา ให้คลิ้กเมนูคำสั่ง File

    31. จากนั้นจะแสดงหน้าต่างไออีพร้อมแสดงแอนิเมชัน พร้อมรายละเอียดของไฟล์พร้อมทั้งโค้ดที่ผู้ใช้งานสามารถก็อปปี้ ไปใช้งานได้ทันทีโดยต้องมีการอ้างถึงรูปภาพด้วย (จากบรรทัด ) พร้อมก็อปปี้ไฟล์ต้นฉบับไปวางยังโฟลเดอร์ที่ต้องการ ...( หน้าถัดไป )





    หน้าถัดไป

    เรื่องที่เกี่ยวข้อง

    20/8/2005 PLAWAN BROWSER ท่องเน็ตปลอดภัย ห่วงใยเยาวชน
    20/8/2005 การทำ Demo CD ด้วย JetAudio
    20/8/2005 สร้างไฟล์ Acrobat เพียงไม่กี่คลิ้กด้วย PDF redirect
    20/8/2005 USB Network: สร้างเครือข่าย USB ดัวยตัวเอง ง่ายนิดเดียว
    20/8/2005 นานาสาระ กับเรื่องราวการแชร์ทรัพยากรเครื่องพิมพ์
    20/8/2005 ZoneAlarm Pro 4.5.530.0
    20/8/2005 ตัดต่อไฟล์เสียงกับ Adobe Audition




    ในบางครั้งที่เรามีไฟล์เพลงในรูปแบบ WAV, MIDI หรือ MP3 แล้วต้องการนำไปใช้กับงานพรีเซนเทชัน ใช้กับเว็บเพจ หรือนำไปใช้เพื่อความบันเทิงอื่น ก็สามารถทำได้ด้วยโปรแกรมนี้เลย…










    ตัดต่อไฟล์เสียงกับ Adobe Audition

    ในบางครั้งที่เรามีไฟล์เพลงในรูปแบบ WAV, MIDI หรือ MP3 แล้วต้องการนำไปใช้กับงานพรีเซนเทชัน ใช้กับเว็บเพจ หรือนำไปใช้เพื่อความบันเทิงอื่น ก็สามารถทำได้ด้วยโปรแกรมนี้เลย…

    เพลงต่างๆ ที่มีให้ฟังในปัจจุบัน คงมีบางเพลงที่อาจจะไม่ถูกใจ เช่น เพลงที่ยาวเกินไปสำหรับคุณ และเพลงที่มีเนื้อหาไม่ถูกใจ ซึ่งคุณเองก็ต้องการที่จะตัดต่อหลายๆ เพลงมารวมกัน หรือแม้แต่เอาบางท่อนออก แล้วต่อด้วยท่อนอื่นๆ เพื่อให้ได้อรรถรถในแบบที่คุณต้องการ และสิ่งต่างๆ เหล่านี้สามารถจัดการได้ด้วยโปรแกรม Adobe Audition ซึ่งเป็นโปรแกรมสำหรับใช้บันทึกเสียง, แก้ไข หรือมิกซ์เสียงในรูปแบบหลายๆ แทร็กพร้อมกันโดยโปรแกรมนี้จะทำงานบน ระบบปฏิบัติการวินโดวส์ 98, วินโดวส์ มี, วินโดวส์ 2000 และวินโดวส์ เอ็กซ์พี

    การเรียกใช้งานโปรแกรม

    ลองมาดูขั้นตอนและวิธีจัดการกับไฟล์เพลงด้วยโปรแกรมนี้ดู โดยทำตามขั้นตอนดังนี้
    การเรียกใช้งานโปรแกรม


  • เปิดใช้งานโปรแกรม Adobe Audition โดยการคลิ้กปุ่ม Start All Programs Adobe Audition

  • จะแสดงไดอะล็อกบ็อกซ์ Tip of the Day เพื่อแสดงข้อมูลเทคนิคในการใช้งานโปรแกรม ให้คลิ้กปุ่ม OK แต่ถ้าหากไม่ต้องการให้แสดงไดอะล็อกบ็อกซ์ดังกล่าวอีกให้คลิ้กเ ลือกออปชัน Show Tips on Startup

  • จากนั้นก็จะแสดงหน้าต่าง โปรแกรม Adobe Audition หากใครเคยใช้งานโปรแกรม Cool Edit Pro มาก็คงจะคุ้นกับหน้าต่างโปรแกรมว่าทำไมเหมือนกันอย่างกับแกะ เป็นไปได้ว่าทางค่าย Adobe อาจซื้อโปรแกรม Cool Edit Pro มาแล้วใส่ชื่อใหม่ตามสไตล์ค่าย Adobe ว่า Adobe Audition
    หน้าต่างโปรแกรม Adobe Audition

    ลงมือตัดต่อไฟล์ MP3

    มาเริ่มการตัดต่อไฟล์เพลงกัน โดยเราจะดึงไฟล์ MP3 ขึ้นมาแล้วตัดทอนให้สั้นลงตามต้องการ ซึ่งความจริงแล้วผู้ใช้งานจะตัดต่อไฟล์ WAVE, MIDI หรือไฟล์เสียงนามสกุลอื่นๆ ได้เช่นกัน

  • เมื่อเปิดหน้าต่างโปรแกรมขึ้นมาแล้ว ให้เปิดไฟล์เพลงที่ต้องการตัดต่อ ในกรณีนี้เราจะทำให้ความยาวของเพลงสั้นลง ด้วยการคลิ้กปุ่ม Open an existing audio file หรือคลิ้กเมนู File

  • จากนั้นจะแสดงไดอะล็อกบ็อกซ์ Open a Waveform เพื่อให้คลิ้กเลือกโฟลเดอร์และไฟล์เพลงที่ต้องการ หากจะเปิดไฟล์รูปแบบอื่นนั้น ก็ให้คลิ้กเลือกจากออปชัน Files of type: โดยทางด้านขวาของไดอะล็อกบ็อกซ์ จะแสดงข้อมูลรายละเอียดเกี่ยวกับไฟล์ที่กำลังจะเปิดใช้งาน

  • หากผู้ใช้งานต้องการฟังเพลงว่าเป็นบทเพลงที่ต้องการหรือไม่ ให้คลิ้กที่ปุ่ม Play ที่แสดงอยู่ทางด้านล่างขวามือของไดอะล็อกบ็อกซ์ แล้วคลิ้กปุ่ม Open
    เปิดไฟล์ออดิโอที่ต้องการแก้ไขหรือตัดต่อขึ้นมาพร้อมฟังเสียงก่ อนเลือก
    แสดงสัญญาณรูปคลื่นของไฟล์ MP3

  • โปรแกรมจะทำการอ่านรูปแบบไฟล์ออกมาเป็นรูปคลื่นเสียง

  • จากนั้นหน้าจอจะแสดงรูปคลื่นของไฟล์เพลง MP3 ดังกล่าวทันที หากต้องการฟังเพลงให้คลิ้กปุ่ม Play

  • ขณะเปิดไฟล์เพลง จะมีเส้นตามแนวตั้งเลื่อนไปตามรูปคลื่นของไฟล์เพลง เพื่อบอกว่าถึงตำแหน่งใดของเพลง ส่วนหน้าต่างบนและล่างแทนเสียงจากลำโพงด้านซ้ายและขวา ผู้ใช้งานสามารถสังเกตความยาวของบทเพลงได้จากด้านล่างของหน้าต่ างโปรแกรมในช่อง Length จากตัวอย่างเพลงจะมีความยาว 3:26.576 นาที

  • หากต้องการลดความยาวของเพลงให้เหลือประมาณ 1 นาที สมมุติว่าเลือกตั้งแต่เริ่มต้นเพลงไป 1 นาที ให้คลิ้กเมาส์ค้างไว้แล้วลากจากด้านซ้ายมาทางด้านขวามือ โปรแกรมจะแสดงพื้นที่ๆ ถูกเลือกด้วยสีขาว

  • สังเกตช่วงเวลาสิ้นสุด โดยให้อยู่ที่ประมาณ 1 นาที ส่วน End ที่ตัดกับช่อง Sel ทางด้านล่างของหน้าต่างโปรแกรม
    ก๊อบปี้สัญญาณรูปคลื่นโดยเลือกเอาเฉพาะส่วนที่ต้องการ

  • จากนั้นให้ก๊อบปี้รูปคลื่นเสียงที่ต้องการ โดยคลิ้กเลือกที่เมนูคำสั่ง Edit

  • แสดงหน้าต่าง Copying และแสดงการก๊อบปี้สัญญาณรูปคลื่นหรือข้อมูลลงบนคลิปบอร์ด

    นำไฟล์จากก๊อบปี้มาสร้างเป็นไฟล์ใหม่

    เมื่อเราได้ก๊อบปี้ไฟล์ลงบนคลิปอาร์ตแล้ว ให้นำมาสร้างเป็นไฟล์เสียงอันใหม่ทันที โดยทำตามขั้นตอนดังนี้...

  • คลิ้กปุ่ม Create a new wave that initially blank หรือคลิ้กเมนูคำสั่ง File

  • จะแสดงไดอะล็อกบ็อกซ์ New Waveform เพื่อให้ผู้ใช้งานได้กำหนดค่าต่างๆ ของเสียงที่ต้องการ เช่น Sample Rate (ยิ่งมีค่าสูงคูณภาพเสียงก็จะดีตามไปด้วย แต่ขนาดไฟล์จะใหญ่), Channels ระบบเสียงในแบบโมโนและสเตอริโอ, Resolution ระดับบิตของเสียง (8 บิต คุณภาพเสียงจะต่ำมาก แต่หากกำหนดเป็น 32 บิต ก็จะได้ความละเอียดของเสียงที่สมบูรณ์ ปกติจะกำหนดที่ 16 บิต) ค่าทั้งหมดที่เลือกหากเลือกค่าสูงๆ จะมีผลกับขนาดของไฟล์ที่ได้ เมื่อเสร็จแล้วคลิ้กปุ่ม OK
    แสดงหน้าต่างการ Paste ไฟล์เพลงลงบนไฟล์ใหม่
    แสดงหน้าต่างเอฟเฟ็กต์ Amplify

  • แสดงหน้าต่างว่างๆ ให้คลิ้กที่เมนูคำสั่ง Edit

  • จากนั้นไม่นาน จะแสดงรูปสัญญาณคลื่นเสียงที่มีความยาว 1 นาที

  • ผู้ใช้งานสามารถทดลองฟังเพลงว่าใช่ส่วนที่ต้องการหรือไม่ โดยการคลิ้กปุ่ม Play

  • การจบของเพลงอาจจบแบบห้วนๆ ไม่นุ่มนวล ซึ่งเราสามารถใส่เอฟเฟ็กต์ลงไปในท่อนสุดท้ายของเพลงได้ โดยการคลิ้กเมาส์เลือกควบคลุมช่วงของเพลงในตำแหน่งที่ต้องการ (ซึ่งจะเป็นสีขาวทันที) ...( หน้าถัดไป )





  • หน้าถัดไป

    เรื่องที่เกี่ยวข้อง

    4/2/2005 สร้างแผ่นซีดีและดีวีดีในแบบ AII-in-One ด้วย Ulead DVD MovieFactory 3 (ตอนที่ 1)
    4/2/2005 ครอปส่วนที่ต้องการบนรูปภาพด้วย Photoshop 7
    4/2/2005 เล่นอินเทอร์เน็ตแบบติดจรวดด้วย Opera 7
    4/2/2005 กลเม็ดแบบจิ๋วแต่แจ๋วกับ Opera 7.0
    4/2/2005 แปลงไฟล์มัลติมีเดียให้ถึงใจ โดยใช้ Blaze MediaConvert
    4/2/2005 อัพเกรด VGA Card เพื่อภาพที่สดใสกว่าในเครื่องเดิม
    4/2/2005 แก้ไขมาโคร ใครว่ายาก

    สำหรับจุดเด่นอีกจุดหนึ่งที่ถูกเพิ่มคุณสมบัติเข้ามาใน Flash MX 2004 นั่นก็คือความสามารถในการทำงานกับวิดีโอที่เพิ่มมากขึ้น จากที่เวอร์ชั่นก่อนหน้านี้ทำได้เพียงแค่อิมพอร์ตไฟล์วิดีโอเข้ ามาแสดงผลอย่างเดียว มาเวอร์ชั่นนี้ก็ได้เพิ่มส่วนสำหรับตัดต่อวิดีโอ และคอมโพเนนต์สำหรับการแสดงผลวิดีโอ ที่จะช่วยให้การแสดงวิดีโอใน Flash สะดวกยิ่งขึ้น


    สำหรับจุดเด่นอีกจุดหนึ่งที่ถูกเพิ่มคุณสมบัติเข้ามาใน Flash MX 2004 นั่นก็คือความสามารถในการทำงานกับวิดีโอที่เพิ่มมากขึ้น จากที่เวอร์ชันก่อนหน้านี้ทำได้เพียงแค่อิมพอร์ตไฟล์วิดีโอเข้า มาแสดงผลอย่างเดียว มาเวอร์ชันนี้ก็ได้เพิ่มส่วนสำหรับตัดต่อวิดีโอ และคอมโพเนนต์สำหรับการแสดงผลวิดีโอ ที่จะช่วยให้การแสดงวิดีโอใน Flash สะดวกยิ่งขึ้น

    ตัดต่อวิดีโอด้วย Flash MX 2004

    ไฟล์วิดีโอที่จะนำมาตัดต่อด้วยโปรแกรม Flash MX 2004 นั้นควรจะเป็นไฟล์ประเภท MPG/MPEG หรือ AVI เพื่อให้สามารถนำไปแก้ไขความยาวของวิดีโอหรือตัดต่อวิดีโอเฉพาะ ช่วงเวลาที่ต้องการก่อนที่จะอิมพอร์ตเข้ามาใน Flash MX 2004 ได้ ซึ่งถ้าเตรียมไฟล์วิดีโอไว้เรียบร้อยแล้ว ก็ให้เริ่มต้นทำตามขั้นตอนดังต่อไปนี้

    1. ภายในโปรแกรม Flash MX 2004 ให้สร้างไฟล์เอกสาร Flash ขึ้นมาใหม่ ต่อจากนั้นให้ไปที่เมนู File
    รูปที่ 1 ส่วนต่างๆ ของส่วนตัดต่อวิดีโอ


    2. ภายหลังจากกดปุ่ม Open แล้วจะปรากฏหน้าต่าง Video Import Wizard ขึ้นมา จะมีตัวเลือกให้สองตัว ดังนี้

  • Import the entire video เพื่อสั่งให้อิมพอร์ตไฟล์วิดีโอทั้งไฟล์เข้ามาใน Flash ทันที

  • Edit the video first เพื่อเข้าสู่ส่วนตัดต่อวิดีโอก่อนจะอิมพอร์ตเข้ามาใน Flash

    ให้เลือก Edit the video first แล้วคลิ้กที่ปุ่ม Next ก็จะเข้าสู่ส่วนตัดต่อวิดีโอ ดังรูปที่ 1 ซึ่งภายในส่วนตัดต่อวิดีโอนั้น จะมีการแบ่งพื้นที่ภายในหน้าต่างออกเป็น 3 ส่วนใหญ่ๆ คือ ส่วนที่ 1 เป็นส่วนที่เก็บรายชื่อคลิปวิดีโอที่เราได้ตัดจากไฟล์วิดีโอ ส่วนที่ 2 จะเป็นส่วนคอลโทรลคลิปวิดีโอ เพื่อใช้ในการตัดคลิปวิดีโอมาเก็บไว้ และส่วนที่ 3 จะเป็นส่วนพรีวิวคลิปวิดีโอ

    3. ขั้นตอนแรกของการตัดวิดีโอมาเป็นคลิปวิดีโอเพื่ออิมพอร์ตเข้ามา ในไลบรารี่ของเรานั้น จะเริ่มจากการลากเครื่องหมาย In Point ซึ่งเป็นรูป

    ที่อยู่ในส่วนคอลโทรลคลิปวิดีโอ ไปยังตำแหน่งเริ่มต้นที่จะตัด ต่อจากนั้นก็ลากเครื่องหมาย Out Point ซึ่งเป็นรูป

    รูปที่ 2 กำหนดจุดเริ่มต้นและจุดสิ้นสุดที่ต้องการ


    ไปยังตำแหน่งสิ้นสุดของการตัด ดังรูปที่ 2 และเพื่อให้แน่ใจได้ว่า ช่วงวิดีโอที่เรากำหนดไว้ว่าจะตัดมาเก็บเป็นคลิปวิดีโอนั้น คือช่วงที่เราต้องการจริงๆ ก็ให้คลิ้กที่ปุ่ม Preview clip เพื่อดูตัวอย่างวิดีโอในช่วงที่เรากำหนดไว้ก่อนได้

    4. เมื่อแน่ใจแล้วว่ากำหนดช่วงวิดีโอถูกต้องแล้วก็ให้คลิ้กที่ปุ่ม Create clip เพื่อตัดช่วงวิดีโอที่เรากำหนดมาเก็บเป็นคลิปวิดีโอทันที โดยจะปรากฏชื่อคลิปวิดีโอในช่องรายชื่อคลิปวิดีโอทางซ้ายมือด้ว ย

    5. หากยังต้องการตัดวิดีโอในช่วงอื่นๆ มาเก็บไว้เป็นคลิปวิดีโออีก ให้ทำซ้ำขั้นตอนที่ 3-4 ไปเรื่อยๆ จนกว่าจะได้คลิปวิดีโอตามที่เราต้องการ

    6. ในการแก้ไขจุดเริ่มต้นและจุดสิ้นสุดของคลิปวิดีโอที่ตัดมาเก็บแ ล้วนั้น สามารถทำได้โดยคลิ้กที่ชื่อของคลิปที่ต้องการแก้ไขภายในช่องราย ชื่อ แล้ว In Point กับ Out Point ก็จะเลื่อนตำแหน่งมายังจุดเริ่มต้นและจุดสิ้นสุดของคลิปนั้น จากนั้นให้กำหนดจุด In Point กับ Out Point ใหม่ เสร็จแล้วก็ให้คลิ้กที่ปุ่ม Update Clip เพื่อบันทึกการเปลี่ยนแปลง

    7. สำหรับการลบคลิปวิดีโอที่ตัดมาแล้ว ก็ให้คลิ้กที่ชื่อของคลิปวิดีโอที่ต้องการลบในช่องรายชื่อ แล้วคลิ้กที่ปุ่ม Delete (ปุ่มรูปถังขยะที่อยู่ด้านบนของช่องรายชื่อ) คลิปวิดีโอนั้นก็จะถูกลบออกจากช่องรายชื่อทันที

    8. คลิปวิดีโอทั้งหมดที่อยู่ในช่องรายชื่อนั้นก็คือซิมโบลแต่ละตัว ที่จะถูกอิมพอร์ตเพิ่มเข้ามาในไลบรารี่นั่นเอง แต่ถ้าเราใส่เครื่องหมายถูกที่ตัวเลือก Combine list of clips into a single library item after import ก็จะทำให้คลิปวิดีโอทั้งหมดนั้นถูกอิมพอร์ตรวมกันเป็นซิมโบลเพี ยงตัวเดียวในไลบรารี่ ซึ่งจะมีประโยชน์มากในการตัดต่อวิดีโอเฉพาะช่วงอย่างเช่น ทำพรีวิวหนัง หรือพรีวิวมิวสิกวิดีโอ เป็นต้น

    9. เมื่อการตัดต่อคลิปวิดีโอของเราเรียบร้อยแล้ว ก็ให้คลิ้กที่ปุ่ม Next เพื่อเข้าไปยังส่วนกำหนดค่าการเข้ารหัส (Encoding) ซึ่งภายในส่วนนี้จะประกอบไปด้วยลิสต์บ็อกซ์อยู่ 2 ตัว นั่นก็คือ Compression Profile และ Advanced Settings ดังรูปที่ 3
    รูปที่ 3 โพรไฟล์ที่มีมาให้อยู่แล้วในโปรแกรม
    รูปที่ 4 ในส่วนของ Compression Settings

    ในลิสต์บ็อกซ์ Compression Profile จะมีการกำหนดรูปแบบการบีบอัดที่เหมาะสมกับอินเทอร์เน็ตความเร็ว ต่างๆ มาให้เรียบร้อยแล้ว ซึ่งเราสามารถเลือกได้ตามต้องการ หรือว่าถ้าหากรูปแบบที่มีอยู่ไม่ถูกใจ เราสามารถสร้างรูปแบบการบีบอัดของเราเองได้ โดยเลือก Create new profile ก็จะปรากฏส่วนของ Compression Settings ดังรูปที่ 4 ซึ่งออปชันแต่ละตัวจะมีความหมายดังนี้

  • Bandwidth สำหรับกำหนดการบีบอัดตามความเร็วของอินเทอร์เน็ตที่กำหนด สามารถกำหนดได้สูงสุดที่ 750 kbps

  • Quality สำหรับกำหนดการบีบอัดตามคุณภาพที่กำหนด สามารถกำหนดได้สูงสุด 100%

  • Keyframes สำหรับกำหนดจำนวนคีย์เฟรมที่จะถูกสร้างขึ้นมาสำหรับวิดีโอ ถ้ากำหนดเป็น 0 หมายความว่าจะไม่มีคีย์เฟรมอื่นๆ นอกเหนือจากคีย์เฟรมแรกของวิดีโอถูกสร้างขึ้นมาเลย

  • High quality keyframes สำหรับกำหนดให้สร้างคีย์เฟรมคุณภาพสูง

  • Quick compress สำหรับกำหนดให้บีบอัดอย่างเร็ว ซึ่งจะทำให้คุณภาพของภาพในช่วงที่มีการเปลื่ยนแปลงหรือเคลื่อนไ หวมากนั้นลดลง

  • Synchonize to Macromedia Flash Document frame rate สำหรับกำหนดให้เฟรมเรตของวิดีโอกับเฟรมเรตของ Flash ที่เรากำหนดไว้สอดคล้องกัน ซึ่งโดยปกติเราจะกำหนดไว้ที่ 1:1
    รูปที่ 5 ในส่วนของ Advanced Settings


    เมื่อเรากำหนดค่าต่างๆ เสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็ให้คลิ้กที่ปุ่ม Next จะปรากฏกล่องข้อความขึ้นมาเพื่อให้เรากรอกชื่อโพรไฟล์ที่ต้องกา รบันทึก เมื่อกรอกเสร็จแล้วก็คลิ้กที่ปุ่ม Next ก็จะกลับเข้าสู่ส่วนกำหนดค่าการเข้ารหัสอีกครั้ง

    10.สำหรับในลิสต์บ็อกซ์ Advanced Settings มีไว้สำหรับกำหนดค่าต่างๆ ของวิดีโอ ซึ่งเราจะต้องเลือก Create new profile เพื่อสร้างรูปแบบของเราเอง เมื่อเลือกแล้ว ก็จะปรากฏส่วนของ Advanced Settings ดังรูปที่ 5 ซึ่งออปชันแต่ละตัวก็จะมีความหมายดังนี้

  • Hue สำหรับปรับสีของวิดีโอ

  • Brightness สำหรับปรับความสว่างของวิดีโอ

  • Saturation สำหรับปรับความอิ่มตัวของสีในวิดีโอ

  • Contrast สำหรับปรับคอนทราสของภาพในวิดีโอ

  • Gamma สำหรับปรับความเจิดจ้าของแสงสว่างในวิดีโอ

  • Scale สำหรับปรับขนาดของวิดีโอ มีหน่วยเป็นเปอร์เซ็นต์ โดยเมื่อปรับแล้วจะมีขนาดของวิดีโอที่ได้ปรากฏขึ้นที่ช่อง Width และ Height ซึ่งมีหน่วยเป็นพิกเซล

  • Crop สำหรับปรับขอบเขตของวิดีโอให้เข้ามาด้านในตามที่ต้องการ

  • Importสำหรับกำหนดตำแหน่งปลายทางที่จะอิมพอร์ตวิดีโอเข้าไป ไม่ว่าจะเก็บไว้ในไทมไลน์ปัจจุบัน (Current Timeline), เก็บไว้ในมูฟวี่คลิป (Movie clip) หรือเก็บไว้ในซิมโบลกราฟิก (Graphic symbol)

  • Audio track สำหรับกำหนดรูปแบบการอิมพอร์ตเสียง ว่าจะให้อิมพอร์ตแบบแยกเสียงแยกภาพ (Separate), รวมภาพและเสียงเข้าด้วยกัน (Integrated) หรือไม่อิมพอร์ตเสียงเข้ามา (None)

    เมื่อเรากำหนดค่าต่างๆ เสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็ให้คลิ้กที่ปุ่ม Next จะปรากฏกล่องข้อความขึ้นมาเพื่อให้เรากรอกชื่อโพรไฟล์ที่ต้องกา รบันทึก เช่นเดียวกับขั้นตอนที่แล้ว และเมื่อกรอกเสร็จแล้วก็คลิ้กปุ่ม Next ก็จะกลับเข้าสู่ส่วนกำหนดค่าการเข้ารหัสอีกครั้ง
    รูปที่ 6 ระหว่างการอิมพอร์ต
    11.หลังจากที่กำหนดค่าต่างเรียบร้อยแล้ว ก็ให้คลิ้กที่ปุ่ม Finish แล้วรอจนกว่าโปรแกรมจะอิมพอร์ตไฟล์วิดีโอนั้นเสร็จเรียบร้อย ดังรูปที่ 6 ก็จะปรากฏซิมโบลวิดีโอขึ้นมาในพาเนลไลบรารี่ ...( หน้าถัดไป )





  • หน้าถัดไป

    เรื่องที่เกี่ยวข้อง

    22/8/2005 เปลี่ยนสีมะเขือเทศในพริบตาด้วย Color Replacement
    22/8/2005 สนุกกับรูปภาพด้วย Adobe PhotoDeluxe Business Edition
    22/8/2005 สร้างพรีเซนเทชันด้วย Adobe Photoshop CS
    22/8/2005 เทคนิคการสร้างงานเว็บกับ Adobe ImageReady CS
    22/8/2005 PLAWAN BROWSER ท่องเน็ตปลอดภัย ห่วงใยเยาวชน
    22/8/2005 การทำ Demo CD ด้วย JetAudio
    22/8/2005 สร้างไฟล์ Acrobat เพียงไม่กี่คลิ้กด้วย PDF redirect

    ร่วมแสดงความคิดเห็น
    จากคุณ นัฐพงค์ ณ อุบล
    • สุดยอด
    จากคุณ samurai_prw@hotmail.com -
    • เป็นสื่อที่ดีในการให้ความรู้แก่บุคคลที่แสวงหาเอง
    จากคุณ chief
    • ขอบคุณความรู้เรื่อง Photoshop หลายๆ
    จากคุณ killua@mailfreei.com -
    ร่วมแสดงความคิดเห็น
    จากคุณ path2544@yahoo.com -
    • ดีมากๆๆ
    จากคุณ karoon35@thaimail.com -
    • ดีจริงๆ ผมนำไปใช้งานแล้วครับ
    จากคุณ ทวีศักดิ์
    • น่าจะมีภาพประกอบให้ลึกกว่านี้
    จากคุณ lee
    • สามารถโหลดโปรแกรมAdobe Audition ได้ที่ไหนช่วยบอกวิธีโหลดด้วยนะค่ะขอบคุณค่ะ
    จากคุณ pensiri-phipun@thaimail.com -
    • สามารถโหลดโปรแกรมAdobe Audition ได้ที่ไหนช่วยบอกวิธีโหลดด้วยนะค่ะขอบคุณค่ะ
    จากคุณ จักพันธ์
    • ผมก็เป็นบุคคลหนึ่งที่ใช้โปรแกรมนี้ในการบันทึกเสียงอยู่ที่บ้านเพื่อนำไป ออกอากาศสถานีวิทยุ สวท.ชบ. ทุกวันอาทิตย์ 1 ช.ม. เพราะว่าไม่มีเวลาไปออกอากาศสด ผมอยากรู้ลึกกว่านี้ ตอนนี้ที่ผมรู้คือการ ผสมเสียงหลายเสียงเข้าด้วยกัน การลดขนาด เพิ่มขนาด การเฟดอิน เอ้าท์ แต่การลดเสียงรบกวนทำอย่างไรในขณะใข้ไมโครโฟน จะมีเสียงซ่า เมื่ออยู่ที่ 20 db แต่ถ้าบันทึกในโปรแกรม ซาวด์ ฟอนต์ 6 จะไม่มีเสียงรบกวน เป็นเพราะอะไรครับ ตอนนี้ผมใช้วิธีบันทึกเสียงลงโปรแกรมซาวด์ ฟอนต์ 6 และไปผสมเสียงเพลงลงในโปรแกรม adobe audition ผมยอมรับทั้งสองโปรแกรมยังไม่ชำนาญพอช่วยแนะด้วยครับ
    จากคุณ จากคุณโจ
    • อยากรู้วิธีการย่อขนาดไฟล์เสียงขึ้นเว็บซึ่งมีความยาวเป็นชั่วโมงๆ เช่น การประชุม บรรยาย เพื่อนำไปใช้ที่เว็บไซต์ที่หน่วยงาน ขอบคุณครับ
    จากคุณ ฒโทร
    • วิธีการย่อขนาดไฟล์เสียงขึ้นเว็บซึ่งมีความยาวเป็นชั่วโมงๆ นะคับ ผมเคยใช้โปรแกรมแปลงไฟล์เสียงธรรมดาที่มีทั่วไปน่ะคับ คือให้แปลงจากไฟล์สกุล .wav หรือ .mp3 ไปเป็น .ogg แล้วเลือกระดับคุณภาพเสียงให้ต่ำใว้ ก็จะช่วยลดขนาดไฟล์ลงได้มากทีเดียว จากเพลง mp3 ประมาณ 4 M จะลดลงเหลือ 500-900 K ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับระบบเสียงที่เลือกด้วย ลองๆหาโปรแกรมมาลองดูนะคับ ผมขอแนะแค่นี้แล้วกันนะ
    จากคุณ ฒโทร
    • Adobe Audition
    มี effect ให้เลือกใช้เยอะดีนะ ผมพึ่งลงกำลังศึกษาอยู่น่าใช้ดี แต่ดูๆ ก็เหมือนกับ soundforce ของ sony อะนะคล้ายๆ กัน
    จากคุณ ปิยวรรณ piyawans@yahoo.com -
    • ขอวิธีทำ backing track ด้วย Adobe Audition2 ด้วยค่ะ ใครเคยใช้แล้วช่วยบอกด้วยนะคะ
    จากคุณ สุรพล chandarak_1@hotmail.com -
    • มีประโยชน์อย่างมาก แต่ยังไม่มีโปรแกรมใช้ จะดาวน์โหลดได้ที่ไหน
    จากคุณ กฤตยศ
    • อยากทราบวิธีกำจัดหรือลดเสียงรบกวนในไฟล์เสียงบันทึก



    สำหรับจุดเด่นอีกจุดหนึ่งที่ถูกเพิ่มคุณสมบัติเข้ามาใน Flash MX 2004 นั่นก็คือความสามารถในการทำงานกับวิดีโอที่เพิ่มมากขึ้น จากที่เวอร์ชั่นก่อนหน้านี้ทำได้เพียงแค่อิมพอร์ตไฟล์วิดีโอเข้ ามาแสดงผลอย่างเดียว มาเวอร์ชั่นนี้ก็ได้เพิ่มส่วนสำหรับตัดต่อวิดีโอ และคอมโพเนนต์สำหรับการแสดงผลวิดีโอ ที่จะช่วยให้การแสดงวิดีโอใน Flash สะดวกยิ่งขึ้น


    สำหรับจุดเด่นอีกจุดหนึ่งที่ถูกเพิ่มคุณสมบัติเข้ามาใน Flash MX 2004 นั่นก็คือความสามารถในการทำงานกับวิดีโอที่เพิ่มมากขึ้น จากที่เวอร์ชันก่อนหน้านี้ทำได้เพียงแค่อิมพอร์ตไฟล์วิดีโอเข้า มาแสดงผลอย่างเดียว มาเวอร์ชันนี้ก็ได้เพิ่มส่วนสำหรับตัดต่อวิดีโอ และคอมโพเนนต์สำหรับการแสดงผลวิดีโอ ที่จะช่วยให้การแสดงวิดีโอใน Flash สะดวกยิ่งขึ้น

    ตัดต่อวิดีโอด้วย Flash MX 2004

    ไฟล์วิดีโอที่จะนำมาตัดต่อด้วยโปรแกรม Flash MX 2004 นั้นควรจะเป็นไฟล์ประเภท MPG/MPEG หรือ AVI เพื่อให้สามารถนำไปแก้ไขความยาวของวิดีโอหรือตัดต่อวิดีโอเฉพาะ ช่วงเวลาที่ต้องการก่อนที่จะอิมพอร์ตเข้ามาใน Flash MX 2004 ได้ ซึ่งถ้าเตรียมไฟล์วิดีโอไว้เรียบร้อยแล้ว ก็ให้เริ่มต้นทำตามขั้นตอนดังต่อไปนี้

    1. ภายในโปรแกรม Flash MX 2004 ให้สร้างไฟล์เอกสาร Flash ขึ้นมาใหม่ ต่อจากนั้นให้ไปที่เมนู File
    รูปที่ 1 ส่วนต่างๆ ของส่วนตัดต่อวิดีโอ


    2. ภายหลังจากกดปุ่ม Open แล้วจะปรากฏหน้าต่าง Video Import Wizard ขึ้นมา จะมีตัวเลือกให้สองตัว ดังนี้

  • Import the entire video เพื่อสั่งให้อิมพอร์ตไฟล์วิดีโอทั้งไฟล์เข้ามาใน Flash ทันที

  • Edit the video first เพื่อเข้าสู่ส่วนตัดต่อวิดีโอก่อนจะอิมพอร์ตเข้ามาใน Flash

    ให้เลือก Edit the video first แล้วคลิ้กที่ปุ่ม Next ก็จะเข้าสู่ส่วนตัดต่อวิดีโอ ดังรูปที่ 1 ซึ่งภายในส่วนตัดต่อวิดีโอนั้น จะมีการแบ่งพื้นที่ภายในหน้าต่างออกเป็น 3 ส่วนใหญ่ๆ คือ ส่วนที่ 1 เป็นส่วนที่เก็บรายชื่อคลิปวิดีโอที่เราได้ตัดจากไฟล์วิดีโอ ส่วนที่ 2 จะเป็นส่วนคอลโทรลคลิปวิดีโอ เพื่อใช้ในการตัดคลิปวิดีโอมาเก็บไว้ และส่วนที่ 3 จะเป็นส่วนพรีวิวคลิปวิดีโอ

    3. ขั้นตอนแรกของการตัดวิดีโอมาเป็นคลิปวิดีโอเพื่ออิมพอร์ตเข้ามา ในไลบรารี่ของเรานั้น จะเริ่มจากการลากเครื่องหมาย In Point ซึ่งเป็นรูป

    ที่อยู่ในส่วนคอลโทรลคลิปวิดีโอ ไปยังตำแหน่งเริ่มต้นที่จะตัด ต่อจากนั้นก็ลากเครื่องหมาย Out Point ซึ่งเป็นรูป

    รูปที่ 2 กำหนดจุดเริ่มต้นและจุดสิ้นสุดที่ต้องการ


    ไปยังตำแหน่งสิ้นสุดของการตัด ดังรูปที่ 2 และเพื่อให้แน่ใจได้ว่า ช่วงวิดีโอที่เรากำหนดไว้ว่าจะตัดมาเก็บเป็นคลิปวิดีโอนั้น คือช่วงที่เราต้องการจริงๆ ก็ให้คลิ้กที่ปุ่ม Preview clip เพื่อดูตัวอย่างวิดีโอในช่วงที่เรากำหนดไว้ก่อนได้

    4. เมื่อแน่ใจแล้วว่ากำหนดช่วงวิดีโอถูกต้องแล้วก็ให้คลิ้กที่ปุ่ม Create clip เพื่อตัดช่วงวิดีโอที่เรากำหนดมาเก็บเป็นคลิปวิดีโอทันที โดยจะปรากฏชื่อคลิปวิดีโอในช่องรายชื่อคลิปวิดีโอทางซ้ายมือด้ว ย

    5. หากยังต้องการตัดวิดีโอในช่วงอื่นๆ มาเก็บไว้เป็นคลิปวิดีโออีก ให้ทำซ้ำขั้นตอนที่ 3-4 ไปเรื่อยๆ จนกว่าจะได้คลิปวิดีโอตามที่เราต้องการ

    6. ในการแก้ไขจุดเริ่มต้นและจุดสิ้นสุดของคลิปวิดีโอที่ตัดมาเก็บแ ล้วนั้น สามารถทำได้โดยคลิ้กที่ชื่อของคลิปที่ต้องการแก้ไขภายในช่องราย ชื่อ แล้ว In Point กับ Out Point ก็จะเลื่อนตำแหน่งมายังจุดเริ่มต้นและจุดสิ้นสุดของคลิปนั้น จากนั้นให้กำหนดจุด In Point กับ Out Point ใหม่ เสร็จแล้วก็ให้คลิ้กที่ปุ่ม Update Clip เพื่อบันทึกการเปลี่ยนแปลง

    7. สำหรับการลบคลิปวิดีโอที่ตัดมาแล้ว ก็ให้คลิ้กที่ชื่อของคลิปวิดีโอที่ต้องการลบในช่องรายชื่อ แล้วคลิ้กที่ปุ่ม Delete (ปุ่มรูปถังขยะที่อยู่ด้านบนของช่องรายชื่อ) คลิปวิดีโอนั้นก็จะถูกลบออกจากช่องรายชื่อทันที

    8. คลิปวิดีโอทั้งหมดที่อยู่ในช่องรายชื่อนั้นก็คือซิมโบลแต่ละตัว ที่จะถูกอิมพอร์ตเพิ่มเข้ามาในไลบรารี่นั่นเอง แต่ถ้าเราใส่เครื่องหมายถูกที่ตัวเลือก Combine list of clips into a single library item after import ก็จะทำให้คลิปวิดีโอทั้งหมดนั้นถูกอิมพอร์ตรวมกันเป็นซิมโบลเพี ยงตัวเดียวในไลบรารี่ ซึ่งจะมีประโยชน์มากในการตัดต่อวิดีโอเฉพาะช่วงอย่างเช่น ทำพรีวิวหนัง หรือพรีวิวมิวสิกวิดีโอ เป็นต้น

    9. เมื่อการตัดต่อคลิปวิดีโอของเราเรียบร้อยแล้ว ก็ให้คลิ้กที่ปุ่ม Next เพื่อเข้าไปยังส่วนกำหนดค่าการเข้ารหัส (Encoding) ซึ่งภายในส่วนนี้จะประกอบไปด้วยลิสต์บ็อกซ์อยู่ 2 ตัว นั่นก็คือ Compression Profile และ Advanced Settings ดังรูปที่ 3
    รูปที่ 3 โพรไฟล์ที่มีมาให้อยู่แล้วในโปรแกรม
    รูปที่ 4 ในส่วนของ Compression Settings

    ในลิสต์บ็อกซ์ Compression Profile จะมีการกำหนดรูปแบบการบีบอัดที่เหมาะสมกับอินเทอร์เน็ตความเร็ว ต่างๆ มาให้เรียบร้อยแล้ว ซึ่งเราสามารถเลือกได้ตามต้องการ หรือว่าถ้าหากรูปแบบที่มีอยู่ไม่ถูกใจ เราสามารถสร้างรูปแบบการบีบอัดของเราเองได้ โดยเลือก Create new profile ก็จะปรากฏส่วนของ Compression Settings ดังรูปที่ 4 ซึ่งออปชันแต่ละตัวจะมีความหมายดังนี้

  • Bandwidth สำหรับกำหนดการบีบอัดตามความเร็วของอินเทอร์เน็ตที่กำหนด สามารถกำหนดได้สูงสุดที่ 750 kbps

  • Quality สำหรับกำหนดการบีบอัดตามคุณภาพที่กำหนด สามารถกำหนดได้สูงสุด 100%

  • Keyframes สำหรับกำหนดจำนวนคีย์เฟรมที่จะถูกสร้างขึ้นมาสำหรับวิดีโอ ถ้ากำหนดเป็น 0 หมายความว่าจะไม่มีคีย์เฟรมอื่นๆ นอกเหนือจากคีย์เฟรมแรกของวิดีโอถูกสร้างขึ้นมาเลย

  • High quality keyframes สำหรับกำหนดให้สร้างคีย์เฟรมคุณภาพสูง

  • Quick compress สำหรับกำหนดให้บีบอัดอย่างเร็ว ซึ่งจะทำให้คุณภาพของภาพในช่วงที่มีการเปลื่ยนแปลงหรือเคลื่อนไ หวมากนั้นลดลง

  • Synchonize to Macromedia Flash Document frame rate สำหรับกำหนดให้เฟรมเรตของวิดีโอกับเฟรมเรตของ Flash ที่เรากำหนดไว้สอดคล้องกัน ซึ่งโดยปกติเราจะกำหนดไว้ที่ 1:1
    รูปที่ 5 ในส่วนของ Advanced Settings


    เมื่อเรากำหนดค่าต่างๆ เสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็ให้คลิ้กที่ปุ่ม Next จะปรากฏกล่องข้อความขึ้นมาเพื่อให้เรากรอกชื่อโพรไฟล์ที่ต้องกา รบันทึก เมื่อกรอกเสร็จแล้วก็คลิ้กที่ปุ่ม Next ก็จะกลับเข้าสู่ส่วนกำหนดค่าการเข้ารหัสอีกครั้ง

    10.สำหรับในลิสต์บ็อกซ์ Advanced Settings มีไว้สำหรับกำหนดค่าต่างๆ ของวิดีโอ ซึ่งเราจะต้องเลือก Create new profile เพื่อสร้างรูปแบบของเราเอง เมื่อเลือกแล้ว ก็จะปรากฏส่วนของ Advanced Settings ดังรูปที่ 5 ซึ่งออปชันแต่ละตัวก็จะมีความหมายดังนี้

  • Hue สำหรับปรับสีของวิดีโอ

  • Brightness สำหรับปรับความสว่างของวิดีโอ

  • Saturation สำหรับปรับความอิ่มตัวของสีในวิดีโอ

  • Contrast สำหรับปรับคอนทราสของภาพในวิดีโอ

  • Gamma สำหรับปรับความเจิดจ้าของแสงสว่างในวิดีโอ

  • Scale สำหรับปรับขนาดของวิดีโอ มีหน่วยเป็นเปอร์เซ็นต์ โดยเมื่อปรับแล้วจะมีขนาดของวิดีโอที่ได้ปรากฏขึ้นที่ช่อง Width และ Height ซึ่งมีหน่วยเป็นพิกเซล

  • Crop สำหรับปรับขอบเขตของวิดีโอให้เข้ามาด้านในตามที่ต้องการ

  • Importสำหรับกำหนดตำแหน่งปลายทางที่จะอิมพอร์ตวิดีโอเข้าไป ไม่ว่าจะเก็บไว้ในไทมไลน์ปัจจุบัน (Current Timeline), เก็บไว้ในมูฟวี่คลิป (Movie clip) หรือเก็บไว้ในซิมโบลกราฟิก (Graphic symbol)

  • Audio track สำหรับกำหนดรูปแบบการอิมพอร์ตเสียง ว่าจะให้อิมพอร์ตแบบแยกเสียงแยกภาพ (Separate), รวมภาพและเสียงเข้าด้วยกัน (Integrated) หรือไม่อิมพอร์ตเสียงเข้ามา (None)

    เมื่อเรากำหนดค่าต่างๆ เสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็ให้คลิ้กที่ปุ่ม Next จะปรากฏกล่องข้อความขึ้นมาเพื่อให้เรากรอกชื่อโพรไฟล์ที่ต้องกา รบันทึก เช่นเดียวกับขั้นตอนที่แล้ว และเมื่อกรอกเสร็จแล้วก็คลิ้กปุ่ม Next ก็จะกลับเข้าสู่ส่วนกำหนดค่าการเข้ารหัสอีกครั้ง
    รูปที่ 6 ระหว่างการอิมพอร์ต
    11.หลังจากที่กำหนดค่าต่างเรียบร้อยแล้ว ก็ให้คลิ้กที่ปุ่ม Finish แล้วรอจนกว่าโปรแกรมจะอิมพอร์ตไฟล์วิดีโอนั้นเสร็จเรียบร้อย ดังรูปที่ 6 ก็จะปรากฏซิมโบลวิดีโอขึ้นมาในพาเนลไลบรารี่ ...( หน้าถัดไป )





  • หน้าถัดไป

    เรื่องที่เกี่ยวข้อง

    22/8/2005 เปลี่ยนสีมะเขือเทศในพริบตาด้วย Color Replacement
    22/8/2005 สนุกกับรูปภาพด้วย Adobe PhotoDeluxe Business Edition
    22/8/2005 สร้างพรีเซนเทชันด้วย Adobe Photoshop CS
    22/8/2005 เทคนิคการสร้างงานเว็บกับ Adobe ImageReady CS
    22/8/2005 PLAWAN BROWSER ท่องเน็ตปลอดภัย ห่วงใยเยาวชน
    22/8/2005 การทำ Demo CD ด้วย JetAudio
    22/8/2005 สร้างไฟล์ Acrobat เพียงไม่กี่คลิ้กด้วย PDF redirect

    ร่วมแสดงความคิดเห็น
    จากคุณ นัฐพงค์ ณ อุบล
    • สุดยอด
    จากคุณ samurai_prw@hotmail.com -
    • เป็นสื่อที่ดีในการให้ความรู้แก่บุคคลที่แสวงหาเอง
    จากคุณ chief
    • ขอบคุณความรู้เรื่อง Photoshop หลายๆ
    จากคุณ killua@mailfreei.com -
    • ขอบคุณมากครับ
    จากคุณ aodaodaod_aod@hotmail.com -
    • ผมว่ามันดูดีๆ มันก็ง่ายดีนะครับ
    จากคุณ witkawa@hotmail.com -
    • ขอบคุณมากๆ
    จากคุณ Ball
    • สงสัยคับ
    คือว่าพอเราexport งาน vdo เป็น streeming แล้ว ไฟล์ .flv มันใหญ่ก่าต้นฉบับมากเลยคับ
    มีวิธีแก้มั้ยคับ
    จากคุณ ahk
    • kuitlo;
    จากคุณ สุพจน์ Suphot_9@thaimail.com -
    • ดีและมีประโยชน์มากครับ และขอความกรุณาลงโปแกรมการเรียนรู้แบบง่ายๆ หลายๆโปรแกรมด้วยครับ
    จากคุณ ประสงค์ shushi@thaimail.com -
    • อยากได้ข้อมูลเกี่ยวกับการสร้างเวบไซท์ และการติดตั้งระบบ lan ครับขอความกรุณาช่วยลงให้ด้วยครับ ขอขอบคุณครับ
    จากคุณ silk
    • สนุกจังเลยค่ะเรื่องนี้ได้รับความรู้มากมายเลยอ่ะอ่านแล้วมีความสุขเป็นที ่สุดรู้สึกเหมือนจาบินได้เลย 555+ ขำไหมค่ะเราว่าเรากำลังจาไปเปิดตลกคาเฟ่อยู่ที่ดาดฟ้าอ่ะว่างๆแวะไปเยี่ยม บ้างนะ
    จากคุณ COMMAND_Battle
    • เจ๋ง ชา มัด เลย หวะ



    มื่อต้องการกลเม็ดเคล็ดไม่ลับวินโดวส์ ตอนนี้เรามีทิปมาฝาก ซึ่งแต่ละทิปคุณสามารถทดสอบการใช้งานได้ทันที เท่าที่คุณต้องการ

    เมื่อต้องการกลเม็ดเคล็ดไม่ลับวินโดวส์ ตอนนี้เรามีทิปมาฝาก ซึ่งแต่ละทิปคุณสามารถทดสอบการใช้งานได้ทันที เท่าที่คุณต้องการ

    Increase Number of Download Sessions in Internet Explorer

    โดยปกติแล้ว session ในการดาวน์โหลดของอินเทอร์เน็ตเอ็กซ์พลอเรอร์จะมีค่าดีฟอล์ตเป็ น 2 และให้รอดาวน์โหลดอีก 1 session (สังเกตได้จากเวลาที่เข้าในเว็บไซต์ แล้วคลิ้กที่ดาวน์โหลดไฟล์ต่างๆ จะทำให้ดาวน์โหลดได้เพียง 2 session ถ้าจะดาวน์โหลดไฟล์อื่นๆ จะต้องรอให้ดาวน์โหลดเสร็จก่อน 1 session) แต่ในปัจจุบันอินเทอร์เน็ตที่เราใช้งานนั้นมีความเร็วมากขึ้นดั งนั้นเราสามารถเพิ่ม session ในการดาวน์โหลดได้ดังนี้

    1. คลิ้กเมนู Start

    รูปที่ 1 แสดงการเรียก Program regedit
    รูปที่ 2 แสดงการเลือก DWORD

    2.ให้คลิ้กที่ HKEY_CURRENT_USER Software Microsoft WindowsCurrentVersionInternet Settings แล้วคลิ้กขวาแล้วเลือก DWORD แสดงดังรูปที่ 2

    3. แล้วให้เปลี่ยนค่า จาก New Value เป็น MaxConnectionsPer1_0Server แสดงดังรูปที่ 3

    รูปที่ 3 แสดงการ เปลี่ยนค่า จาก New Value เป็น MaxConnectionsPer1_0Server

    4. คลิ้กขวาเลือก modify แสดงดังรูปที่ 4

    รูปที่ 4 แสดงการเลือก modify

    5. ในเบสให้คลิ้กที่ decimal แล้ว set ค่า value data เป็น 10 แสดงดังรูปที่ 5 (กำหนดให้ดาวน์โหลดได้ 10 session) แล้ว คลิ้ก ok

    รูปที่ 5 แสดงการ set ค่า MaxConnectionsPer1_0Server
    รูปที่ 6 แสดงการเลือก DWORD


    6. คลิ้กขวาที่ Internet Settings แล้วเลือก DWORD แสดงดังรูปที่ 6

    7. แล้วให้เปลี่ยนค่า จาก New Value เป็น MaxConnectionsPerServer แสดงดังรูปที่ 7

    รูปที่ 7 แสดงการ เปลี่ยนค่า จาก New Value เป็น MaxConnectionsPerServer

    8. คลิ้กขวาเลือก modify แสดงดังรูปที่ 8

    รูปที่ 8 แสดงการเลือก modify
    รูปที่ 9 แสดงการ set ค่า MaxConnectionsPerServer

    9.ในเบสให้คลิ้กที่ decimal แล้วเซตค่า value data เป็น 10 แสดงดังรูปที่ 9 (กำหนดให้ดาวน์โหลดได้ 10 session) แล้วคลิ้ก ok

    10. ออกจาก regedit แล้วรีสตาร์ทเครื่องคอมพิวเตอร์


    Change Picture on the Welcome Screen & Start Menu

    สามารถเปลี่ยนรูป ที่อยู่ที่ welcome screen และ start menu ได้ดังนี้

    1. คลิ้กเมนู Start

    รูปที่ 10 แสดง user account
    รูปที่ 11 แสดงการเปลี่ยนแอ็กเคานต์

    2. คลิ้กที่ change an account แสดงดังรูปที่ 11

    3 . ให้คลิ้กที่ user ที่ต้องการเปลี่ยนรูป แล้วคลิ้กที่ change my picture แล้วคลิ้กที่รูปที่ต้องการจะเปลี่ยนและคลิ้กที่ change picture (จะเปลี่ยนจากรูปเดิมจากรูปกีตาร์เป็นรูปดอกไม้) แสดงดังรูปที่ 12

    รูปที่ 12 แสดงการเปลี่ยนรูปที่ welcome screen
    รูปที่ 13 แสดงรูป log on ที่เปลี่ยนไป

    4. แสดงรูป log on ที่เปลี่ยนไปดังรูปที่ 13 ...( หน้าถัดไป )






    หน้าถัดไป

    เรื่องที่เกี่ยวข้อง

    2/6/2005 Tip For Windows XP
    2/6/2005 Extractions Tactic เพลงจากเกม กับช็อตเด็ด เก็บเป็นคอลเล็กชัน !!
    2/6/2005 รู้จักสุดยอด 50 เครื่องมือด้าน Security ตอน 2
    2/6/2005 รู้จักสุดยอด 50 เครื่องมือทางด้าน Security
    2/6/2005 ละมุนทิป : เพิ่มความเร็วของโมเด็มในการเชื่อมอินเทอร์เน็ต
    2/6/2005 ทิปเด็ด : ค้นหาหมายเลขตำแหน่งเว็บไซต์ ด้วยคำสั่ง Trace
    2/6/2005 ทิปเด็ด : มาดูค่าคอนฟิกูเรชันของ TCP/IP

    ร่วมแสดงความคิดเห็น
    จากคุณ aum.na@thaimail.com -
    • น่าสนใจดี
    จากคุณ arter48@hotmail.com -
    • น่าสนใจและมีประโยชน์อย่างมากครับ
    จากคุณ kai.co.th@chaiyo.com -
    • มีประโยชน์มาก
    จากคุณ Han
    • เป็นประโยชน์อย่างมากสำหรับผู้ที่จะศึกษานะ
    จากคุณ นิพนธ์ แพงพะเนาว์
    • ขอบคุณครับที่ให้ความรู้เพิ่มเติมเป็นประโยชน์อย่างมาก
    จากคุณ นังบ้าลูกน้อง
    • ไร้สาระเค้ารู้กันหมดแล้วเรื่องกระจอก
    จากคุณ kave
    • เพิ่มความรู้ในสมองเยอะเลย
    Send to friend Print
    คู่มือภาษาไทยโปรแกรม Microsoft Project 2003 (ฟรี)



    Microsoft Project 2003 โดย กรมแรงงาน (Thai Manual @ TumCivil.com)

    แบบที่ 1

    บทที่ 1 - เรื่องทั่วไปเกี่ยวกับไมโครซอฟต์โปรเจ็กต์

    ปกหน้า

    บทที่ 2 - ป้อนข้อมูลเกี่ยวกับโครงการ

    สารบัญ

    บทที่ 3 - ป้อนข้อมูลเกี่ยวกับงาน

    ภาคผนวก

    บทที่ 4 - ป้อนข้อมูลเกี่ยวกับทรัพยากร

    บทที่ 5 - ปัญหาการเรียกใช้ทรัพยากรซ้ำซ้อน

    เล็กน้อยๆกับโปรแกรม MS Project 2002

    บทที่ 6 - การติดตามงาน

    บทที่ 7 - การพิมพ์ออกทางเครื่องพิมพ์


    บทที่ 8 - การจัดรูปแบบ



    แบบที่ 2

    คู่มืออีกอันใหม่ครับ (แบบง่าย)


    สามารถดู VDO สอน MS Project 2003 แบบ Onlineได้ที่นี่



    โดย: TumCivil.com Team

    วันที่ : 06/06/2549 18:08

    Download Plug-in for the best view

    จำนวนคนอ่าน 54785 คน จำนวนคนโหวต 167 คน

    คุณเห็นด้วยกับบทความนี้หรือไม่

    เห็นด้วย ไม่เห็นด้วย

    เห็นด้วย 151 คน
    90.42 %
    ไม่เห็นด้วย 16 คน
    9.58 %

    [ 1 ] [ 2 ] [ 3 ] [ 4 ] [ 5 ] [ 6 ] [ 7 ] [ 8 ] [ 9 ] [ 10 ] Next »

    ความคิดเห็นที่: 101



    กำลังหาอยู่พอดี หายากด้วย ขอบคุรมากมายครับ...

    By : Contextman
    Date/Time : 10/09/2550 22:19

    ความคิดเห็นที่: 100

    ขอบคุนมากมายครับ สำหรับ กระทู้ดีๆแบบ เอามาแบ่งอีกนะครับ

    By : Sexxy
    Date/Time : 02/09/2550 17:14

    ความคิดเห็นที่: 99

    ดีมากครับขอบคุณสำหรับทีมงานที่ช่วยสอนผมจำเป็นต้องใช้โปรแกรมนี้ครับ

    By : หนอนน้อย
    Date/Time : 24/08/2550 00:13

    ความคิดเห็นที่: 98

    อืมได้ตัวโปรแกรมแล้ว คะ ขอบคุณสำหรับเนิ้อหาภาคภาษาไทยนะคะ ได้ควkมรู้เพิ่มขึ้นเลยอ่ะคะ ^_^

    By : ปอบร้อนนะ
    Date/Time : 22/08/2550 15:51

    ความคิดเห็นที่: 97

    ไม่ทราบว่า ตัวโปรแกรมหาได้ที่ไหนค่ะ ขอบคุร ค่ะ กะลังฝึกงาน สายนี้พอดีค่ะ ใครทราบช่วย ส่งมาให้ด้วยนะคะ khotuta@hotmail.com ^_^

    By : ปอบร้อนนะ
    Date/Time : 21/08/2550 17:58

    ความคิดเห็นที่: 96

    thank you very much kub ajarn for your informative knowledge. it's very easy for me to understand.

    By : art
    Date/Time : 13/08/2550 13:27

    ความคิดเห็นที่: 95

    ขอบคุณมาก ๆ ค่ะ และให้ความรู้มาก ๆ ๆๆ

    By : นก
    Date/Time : 07/08/2550 17:41

    ความคิดเห็นที่: 94

    ขอบคุณมาก ๆ ค่ะ และให้ความรู้มาก ๆ ๆๆ

    By : นก
    Date/Time : 07/08/2550 17:31

    ความคิดเห็นที่: 93

    ขอบคุณมากๆเลยค่ะ เพราะใช้โปรแกรมตัวนี้เรียนพอดี

    By : noi
    Date/Time : 29/07/2550 00:26

    ความคิดเห็นที่: 92

    ขอบคุณมากๆครับเป็นประโยชน์มากมายครับอขอบคุณผู้จัดทำครับ แบ่งแล้วมีแต่ได้คือแบ่งความรู้ครับ

    By : คริต
    Date/Time : 27/07/2550 19:20


    [ 1 ] [ 2 ] [ 3 ] [ 4 ] [ 5 ] [ 6 ] [ 7 ] [ 8 ] [ 9 ] [ 10 ] Next »


    ร่วมแสดงความคิดเห็น (Post Comment)
    โดย
    ไฟล์ประกอบ (.jpg .gif .png .swf .pdf .zip .wma .wmv .txt .mpg)
    ข้อความ


    Font color: Font size:
    รหัส

    Close Windows
    ความคิดเห็นของคุณ
    หากคุณมีความคิดเห็นเพิ่มเติมสามารถร่วมแสดงความเห็นได้โดยใช้ Form ด้านล่างครับ
    • เคารพกฏกติกาในการใช้งาน สงวนการใช้คำหยาบคายและคำรุนแรงเอาแค่ เหน็บๆกันก็พอครับ
    • เคารพสิทธิของผู้อื่นในการพาดพิง กล่าวหา ว่าร้าย

    * หมายเหตุ


    = บทความที่มีผู้ชมสูงสุด
    = บทความที่มาใหม่
    = บทความที่อ่านได้เฉพาะสมาชิกเท่านั้น
    or = กระทู้ที่ตังหรือตอบโดย สมาชิก หรือ วิทยากร
    oror = มีไฟล์ VDO Media ประกอบให้ดาวน์โหลดหรือแสดง
    = มีไฟล์ .zip
    = มีไฟล์ pdf ประกอบ
    = มีไฟล์ MS Word ประกอบ
    = มีไฟล์ MS Excel หรือ Spreadsheet ประกอบ
    = มีไฟล์ MS PowerPoint ประกอบ
    = มีไฟล์ Flash
    = มีไฟล์ให้ดาวน์โหลด
    Copyright 2005 ©

    การใช้งานระบบ สิทธิประโยชน์อบรม การอบรม - สัมมนา WebService More @ TumCivil
    มาครั้งแรกอ่านที่นี่ครับ
    การใช้งานระบบ - How to use
    การสั่งซื้อ - การจอง
    การชำระเงิน - How to pay
    Conditions & Policy
    เกี่ยวกับเรา
    ติดต่อเรา
    หน้าหลักโครงการ
    ต่อที่ 1 รับฟรีๆๆ
    ต่อที่ 2 สะสมแต้ม - ของรางวัล
    ต่อที่ 3 Member get Member
    ดูแต้มสะสมคะแนน

    หมวดหลักอบรม - สัมมนา
    สมาชิก Engfanatic Club
    รวมรายชื่อวิทยากร
    บทความทั้งหมด / VDO
    เว็บบอร์ดรวมทุกหมวด

    หน้าหลัก WebService
    ขอรหัสผ่านโปรแกรม
    บริการโปรแกรมบนเว็บ [Online Service]
    หน้าหลัก TumCivil
    หน้าหลัก Engfanatic
    หน้าหลัก Downloads
    เลือกซื้อ Software